Ekobot WEAI หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติระบบ AI

Share

Loading

วัชพืช หนึ่งในเรื่องชวนปวดหัวสำหรับเกษตรกรที่ต้องหาทางรับมือแก้ไขอยู่ทุกวัน ถึงการใช้สารเคมีทางการเกษตรจะได้รับความนิยมก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อมีการพัฒนา Ekobot WEAI หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติระบบ AI

เกษตรกรรมยั่งยืน ถือเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั่วโลก ด้วยเราทราบดีว่าในขั้นตอนการผลิตอาหารผ่านช่องทางเกษตรกรรมสร้างผลกระทบต่อธรรมชาติในหลายด้าน ทั้งจากความเสียหายต่อหน้าดิน สารเคมีทางการเกษตร หรือแม้แต่ก๊าซเรือนกระจก หนึ่งในสาเหตุสำคัญในการเกิดภาวะโลกร้อนนำไปสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆ

ด้วยเหตุนี้หลายประเทศจึงเริ่มมุ่งความสนใจมาพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร ทั้งเพื่อรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในสิ่งแวดล้อม เพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิตที่ออกสู่ตลาด รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตและแบ่งเบาภาระในการทำงานของเกษตรกรไปพร้อมกัน นำไปสู่การพัฒนาหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติที่อาศัยประโยชน์จากระบบ AI ในที่สุด

Ekobot WEAI หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติด้วยปัญญาประดิษฐ์

ผลงานนี้เป็นของบริษัท Ekobot บริษัทเทคโนโลยีทางการเกษตรจากสวีเดน กับการพัฒนาหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชที่สามารถแก้ปัญหาวัชพืชให้แก่แปลงปลูกผักของเกษตร ที่สามารถทำการกำจัดวัชพืชในแปลงเพาะปลูกได้อัตโนมัติ โดยผู้ใช้งานแทบไม่จำเป็นต้องเข้าไปควบคุมจัดการ

วัชพืชถือเป็นศัตรูร้ายที่เกษตรจำเป็นต้องกำจัดเพื่อรักษาคุณภาพของผลผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตอาหารจำเป็นต้องจัดการอย่างเด็ดขาด แต่การกำจัดวัชพืชเป็นงานที่สิ้นเปลืองกำลังมหาศาล ทางแก้อย่างสารเคมีกำจัดวัชพืชเอง แม้จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็อาจสร้างปัญหาให้แก่สิ่งแวดล้อม

นำไปสู่การคิดค้นหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติอย่าง Ekobot WEAI หุ่นยนต์สี่ล้อน้ำหนัก 600 กิโลกรัม ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยการชาร์จแต่ละครั้งสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 10 – 12 ชั่วโมง คิดเป็นพื้นที่การทำงานจะอยู่ที่ราว 24.7 ไร่/วัน พร้อมระบบ GPS และ RTK เชื่อมต่อดาวเทียม อีกทั้งแบตเตอรี่ยังสามารถถอดเปลี่ยนได้อีกด้วย

จุดเด่นของ Ekobot WEAI คือ การทำงานอัตโนมัติโดยไม่ต้องควบคุม ตัวระบบควบคุมและประมวลผลขับเคลื่อนด้วย AI ปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการฝึกฝนในการแยกแยะพืชผลออกจากวัชพืช ช่วยให้มันระบุและกำจัดวัชพืชภายในพื้นที่เพาะปลูกอย่างแม่นยำ

กลไกการทำงานของ Ekobot WEAI จะทำการแยกแยะวัชพืชออกจากพืชผลด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ จากนั้นจะทำการใช้นิ้วโลหะในการขุดและดันวัชพืชออกจากดิน ช่วยให้เกษตรกรลดการใช้งานสารเคมีกำจัดวัชพืชลงได้กว่า 70% โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลในไร่เลย

นี่จึงเป็นเหตุให้หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติอาจช่วยยกระดับเทคโนโลยีทางการเกษตรได้อีกทาง

ขีดความสามารถและประโยชน์ที่ไม่ได้ดีแค่สิ่งแวดล้อม

ถึงตรงนี้อาจมีความกังวลขึ้นมาเล็กน้อยกับหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติ โดยเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงานที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ส่วนนี้ได้รับการยืนยันจากเซ็นเซอร์ปลอดภัยและเลนส์กล้องพร้อมเซ็นเซอร์การมองเห็นคอยทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อม จึงสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางทั้งคน สัตว์ และสิ่งของโดยอัตโนมัติ

เมื่อพูดถึงการมุ่งสู่เกษตรกรรมยั่งยืนจุดหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรในปัจจุบัน สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงย่อมเป็นผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต และการใช้งานสารเคมีทางการเกษตรซึ่งมักทำให้เกิดการปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก แต่อันที่จริงนี่ถือเป็นเรื่องมีประโยชน์ต่อเราด้วยเช่นกัน

กลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าเทคโนโลยีการเกษตรย่อมเป็น เกษตรกร เพราะการใช้งานสารเคมีกำจัดวัชพืชส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ, คลื่นไส้, มึนงง, เจ็บหน้าอก, ใจสั่น, แผลไหม้บนผิวหนัง จนอาจนำไปสู่การเสียชีวิต รวมถึงผลกระทบทางสุขภาพอื่นๆ ในระยะยาว ช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

อันดับต่อมาผลผลิตที่ได้จากการใช้ Ekobot WEAI กำจัดวัชพืช หัวหอมที่ผ่านการผลิตด้วยกรรมวิธีนี้มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานและรสชาติดีมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสารเคมีทางการเกษตรมากเท่าการเพาะปลูกทั่วไป หัวหอมจึงสามารถรับแสงและสารอาหารได้ดี ถือเป็นการเพิ่มคุณภาพของผลผลิตโดยตรงได้อีกทาง

นอกจากนี้ระบบของ Ekobot WEAI ยังร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมติดตั้งสัญญาณ 5G เข้ากับตัวหุ่น ช่วยให้หุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์และแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ จึงสะดวกต่อการอัพเดทข้อมูลและซอฟต์แวร์ภายใน ช่วยให้ตัวหุ่นสามารถเรียนรู้และทำงานได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ปัจจุบันหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัตินี้เปิดให้บริการใน สวีเดน และ เนเธอร์แลนด์ เป็นหลัก แต่กำลังมุ่งปิดตัวในอีกหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก, สวีเดน และอีกหลายประเทศ โดยคาดว่าจะขยายกำลังการผลิตมากขึ้นในปี 2024 และมีการใช้งานแพร่หลายทั่วไปในยุโรปและสหรัฐฯภายในปี 2030 ต่อไป

ปัจจุบันข้อจำกัดของ Ekobot WEAI คือรองรับการกำจัดวัชพืชแค่ในการเพาะปลูกหัวหอม แต่พวกเขาก็เร่งพัฒนาให้หุ่นยนต์รองรับการเพาะปลูกพืชชนิดอื่น เช่น แครอท และ ผักกาดฝรั่ง เป็นลำดับต่อไป นอกจากนี้ยังมีแผนในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เข้ากับตัวหุ่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานให้ต่อเนื่องยิ่งขึ้นอีกด้วย

นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เทคโนโลยีทางการเกษตรมีความสำคัญและเราจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรและผลผลิตของประเทศไปพร้อมกัน

แหล่งข้อมูล

https://www.posttoday.com/international-news/703475