เทคโนโลยี Generative AI ความชาญฉลาดที่มาพร้อมกับความเสี่ยง

Share

Loading

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมานี้ คงไม่มีเทคโนโลยีใดที่สามารถสร้างกระแสและสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้ เท่ากับเทคโนโลยี Generative AI และด้วยการเกิดขึ้นของเครื่องมือ AI เชิงสร้างสรรค์ที่กลายเป็น AI Viral เมื่อปลายปี 2565 อย่าง ChatGPT ส่งผลให้บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ และสตาร์ทอัพต่างเปิดตัว AI เพื่อแข่งขันกันอย่างดุเดือด จนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าขีดความสามารถของ AI จะพัฒนาต่อไปอย่างไร เมื่อความเก่งกาจของ AI ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก จนกลายเป็นดาวเด่นของวงการเทคโนโลยี

OPEN-TEC ศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Tech Knowledge Sharing Platform) ภายใต้การดูแลของ TCC TECHNOLOGY GROUP ได้หยิบยกส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขา ที่ให้เกียรติมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับ Generative AI ในรายการ open talk มาแบ่งปัน

Generative AI คืออะไร

Generative AI หรือ Generative Artificial Intelligence (GenAI) เป็นอีกแขนงหนึ่งของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้เกิดเป็นผลลัพธ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนภายใต้ข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างหลากหลายรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรที่เป็นข้อความโดยใช้การประมวลผลและตอบคำถาม รูปภาพ วิดีโอ เสียง โมเดลสามมิติ งานออกแบบดีไซน์ และอื่นๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้ในหลายด้าน เช่น ศิลปะ การออกแบบ การผลิตหนังสือ และโฆษณา รวมถึงสามารถนำไปใช้ในงานวิจัยและการทำนายผลในอนาคต

ยกตัวอย่าง Generative AI ที่เห็นได้ชัดอย่างเช่น ChatGPT AI Chatbot ที่ทั้งโลกกำลังจับตามองด้วยความอัจฉริยะด้านภาษา มีการโต้ตอบเสมือนพูดคุยกับคนอย่างเป็นธรรมชาติ เพียงแค่พิมพ์สิ่งที่ต้องการลงไปในระบบ จากนั้น Generative AI ใน ChatGPT จะทำงานโดยการประมวลผลจากข้อมูลที่มีอยู่มาสร้างสรรค์เป็นคำตอบให้ได้เลยทันที หรือ DALL-E AI Text-to-image ที่มีความสามารถที่น่าทึ่งในการสร้างรูปภาพจากข้อความคำสั่งและประมวลผลออกมาเป็นรูปภาพ โดยรูปนั้นเป็นผลงานชิ้นใหม่ มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง

เหรียญมีสองด้านเสมอ เพราะความชาญฉลาดมักมาพร้อมกับความเสี่ยง

อย่างที่ทราบกันดีว่ากระแส Generative AI กำลังเป็นที่แพร่หลาย ด้วยความชาญฉลาดและความคิดสร้างสรรค์ เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ Generative AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ChatGPT AI Chatbot ที่สามารถตอบคำถามได้อย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล กลายเป็นเพื่อนคู่คิดของมนุษย์ที่ช่วยรังสรรค์สิ่งต่างๆ

รวมถึงอำนวยความสะดวกและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่ใช้ประโยชน์จาก ChatGPT ในการลดขั้นตอนการหาข้อมูลเพื่อศึกษาข้อมูลสำหรับการเรียนรู้ ไปจนถึงพนักงานแทบทุกตำแหน่ง และทุกระดับงานในองค์กรต่างหันมาใช้ประโยชน์จาก  ChatGPT เพื่อประหยัดเวลาในการทำงานกันทั้งสิ้น

ดังนั้น ถึงแม้ว่าความสามารถของ Generative AI จะน่าประทับใจ แต่ก็ทำให้ธุรกิจ และเหล่าผู้ใช้งานเริ่มตระหนักถึงข้อจำกัด หรือ เกิดความกังวลเกี่ยวกับจริยธรรมของการใช้เทคโนโลยี Generative AI

ดร.พิณนรี ธีร์มกร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการ Sasin School of Management, Head of Artificial Intelligence – Ignite Innovation Lab และ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท อินเตอร์ ดาต้า รีคัฟเวอรี จำกัด ได้กล่าวไว้ในรายการ open talk EP.36 : AI: trend, skill and future ว่า “AI จะดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ เปรียบเสมือนกับมีด อยู่ที่ว่าเราจะนำไปสร้าง สรรค์สิ่งดีๆ ทำชีวิตให้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น นำไปช่วยเพิ่มโอกาสให้กับคนด้อยโอกาส หรือ นำไปใช้ในทางที่ผิด ดังนั้น เรื่องของการอบรมด้านจริยธรรมในการนำ AI ไปใช้จึงสำคัญมาก”

นอกจากนี้ ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิด้าน Digital Transformation สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ETDA ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ open talk EP.40 : Generative AI: โอกาสและความท้าทาย ว่า “สิ่งที่น่ากลัวของ Generative AI คือผลลัพธ์ หรือ Output ที่ได้ เพราะเหมือนมนุษย์มาก เราแทบแยกไม่ออกเลยว่าคือ มนุษย์ หรือ AI ที่เป็นคนทำขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นประเด็นหนึ่งที่จะเกิดปัญหาในอนาคตได้

เพราะฉะนั้นถามว่าประโยชน์มีไหม มีมโหฬาร ถามว่าความเสี่ยงมีไหม ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้น สิ่งที่เราต้องเรียนรู้จากการใช้ Generative AI เหล่านี้คือ ต้องรู้ว่าจะใช้อย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และในขณะเดียวกันลดความเสี่ยง ที่จะทำให้เกิดความผิดพลาดของข้อมูลด้วย นี่คือข้อพึงระวังที่เราควรมี”

การใช้งานเทคโนโลยีทุกประเภทก็เหมือน “ดาบสองคม” ที่ควรศึกษาทั้งผลดี ผลเสียก่อนใช้งาน และถึงแม้ Generative AI จะเป็นเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง แต่ยังมีข้อจำกัดสำคัญคือ Generative AI นั้น อาจมีข้อผิดพลาดในเรื่องของการให้ข้อมูลในบางเรื่อง นั่นเป็นเพราะข้อมูลพื้นฐานที่ AI เรียนรู้มาจากข้อมูลมหาศาล ที่อยู่ในโลกออนไลน์ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ ที่อาจจะมีข้อมูลถูกต้องและมีข้อมูลที่บิดเบือน ข้อมูลที่ไม่มีการอัพเดต ข้อมูลที่มีอคติทางสังคมรวมอยู่ในนั้นด้วย

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมและความรับผิดชอบในการพัฒนา Generative AI เพื่อให้การนำมาใช้งานเป็นไปอย่างระมัดระวัง และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่กระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

แม้จะมีข้อจำกัดอยู่ แต่ด้วยความสามารถทั้งหมดของ Generative AI ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนเห็นตรงกันว่า เทคโนโลยี Generative AI เป็นเทคโนโลยีแห่งปีที่อาจเป็นอีกครั้ง ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์และโฉมหน้าของโลกใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง

แหล่งข้อมูล

https://www.thansettakij.com/blogs/technology/technology/586760