เผยไม้ตาย ปตท.สผ. เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน อีกหนึ่งทางเลือกกู้โลก

Share

Loading

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (ปตท.สผ.) เผย ทางออกแก้โลกร้อน อาจเป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน พร้อมวาดเป้าจัดหาแหล่งกักเก็บคาร์บอนใต้ทะเลให้ได้ เสริมกับการปลูกป่าดูดซับคาร์บอน

ทางเลือกใหม่สู้โลกร้อน

จากปัญหาภัยธรรมชาติ สภาพอากาศที่แปรปรวนเอาแน่เอาเอานอนไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดมีต้นเหตุมาจากสภาวะโลกร้อน ทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าโลกกำลังต้องทางออกสำหรับแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้ มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. จึงได้นำเสนอหนทางออกหนี่งที่ทางบริษัทเลือกใช้ในการช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อน นั่นก็คือเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน หรือ Carbon Capture and Storage

มนตรี กล่าวว่า เนื่องด้วยขณะนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการขุดเจาะใช้แก๊ซธรรมชาติจากอ่าวไทย เพื่อนำมาเป็นพลังงานจำนวนมาก โดยกว่า 70% ของพลังงานที่ใช้ในประเทศก็มาจากแก๊ซธรรมชาติ ดังนั้น ทาง ปตท.สผ. จึงพยายามหาหนทางที่จะปรับใช้การขุดเจาะแก๊ซธรรมชาติตรงนี้ มาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขโลกร้อน

“ในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจำเป็นที่จะต้องกักเก็บคาร์บอนให้ออกจากชั้นบรรยากาศให้ได้ราว 4,000 ล้านตัน/ปี ซึ่งขณะนี้เรากำลังดำเนินการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านไร่ ซึ่งสามารถดูดซับคาร์บอนได้ราว 1-2 ล้านตัน/ปี อย่างไรก็ตาม การปลูกป่าอาจไม่ใช่การกักเก็บคาร์บอนที่ยั่งยืน เพราะอาจจะมีความเสี่ยงจากการเกิดไฟป่าได้” มนตรี กล่าว

ดังนั้น เขาจึงเสนอว่า การกักเก็บคาร์บอนที่เป็นผลพลอยได้ของการสกัดเอาแก๊ซธรรมชาติกลับไปกักเก็บในหลุมแก๊ซใต้อ่าวไทย จึงอาจเป็นหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้เราสามารถดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากชั้นบรรยากาศได้มากขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึงราว 1 ล้านตัน/ปี

รู้จักข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน
ข้อดี:
  • ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ: เทคโนโลยีนี้สามารถดักจับและกักเก็บการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าได้มากถึง 90% ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
  • ความมั่นคงด้านพลังงาน: ในเมื่อเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงมีความสำคัญ เมื่อไม่สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยปรับปรุงความมั่นคงด้านพลังงานโดยการทำให้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีความยั่งยืนมากขึ้น
  • การสร้างงาน: การใช้เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปสู่การสร้างงานในด้านต่างๆ เช่น การก่อสร้าง วิศวกรรม และการบำรุงรักษา สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น

ข้อเสีย:
  • ต้นทุนสูง: เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับนวัตกรรมสู้โลกร้อนอื่นๆ
  • ความเสี่ยงของการรั่วไหล: ขณะนี้เทคโนโลยีนี้ยังคงมีความเสี่ยงที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อาจรั่วไหลออกจากสถานที่จัดเก็บ ซึ่งจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศ
  • การรับรู้ของสาธารณชน: เนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ และมีความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการกักเก็บคาร์บอน

โดยรวมแล้ว การกักเก็บคาร์บอนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจัดการกับความท้าทายของ การกักเก็บคาร์บอนเช่น ต้นทุนที่สูงและความเสี่ยงของการรั่วไหล ก่อนที่จะนำไปใช้งานในวงกว้างได้

นอกจากข้อดีและข้อเสียที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ การกักเก็บคาร์บอนไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งสำคัญคือต้องลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยสิ้นเชิงและเปลี่ยนไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม การกักเก็บคาร์บอนสามารถมีบทบาทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโครงสร้างพื้นฐานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอยู่ และช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศได้

แหล่งข้อมูล

https://www.springnews.co.th/keep-the-world/sustainable/844000