สิงคโปร์เตรียมผุดโรงแรมสนามบินที่ใช้พลังงานเป็นศูนย์แห่งแรกของโลก

Share

Loading

สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ประกาศแผนลงทุนโรงแรมใหม่ “ไร้พลังงาน” หรือ “พลังงานเป็นศูนย์” (Zero Energy) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยจะตั้งอยู่ติดกับอาคารผู้โดยสาร 2 ภายใต้แบรนด์ Hotel Indigo ของ IHG และมีกำหนดเปิดใหับริการในปี 2571

พึงทราบว่าการดำเนินงานของอุตสาหกรรมการบริการมักมาพร้อมกับผลกระทบอันเลวร้ายต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการใช้พลังงานจำนวนมาก การใช้น้ำและของเสีย เฉพาะโรงแรมเพียงอย่างเดียวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 36,300 ล้านตันทั่วโลกในปี 2564 โดยโรงแรมมีส่วนทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 363 ล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้พลังงานต่อปีของครัวเรือนประมาณ 45.7 ล้านหลัง

เพื่อลบภาพผู้ร้ายดังกล่าว แนวทางที่บรรดาผู้ประกอบการโรงแรมนิยมใช้กันคือ การบริหารจัดการอย่างยั่งยืนและรูปแบบที่มาแรงคือ การใช้พลังงานเป็นศูนย์ภายในอาคารต่างๆ ของโรงแรม ซึ่งอาคารตามหลัก Zero Energy หมายถึงอาคารที่ผลิตพลังงานได้มากเท่ากับที่ใช้จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในบริเวณโรงแรม อาคารเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดสมดุลพลังงานสุทธิเป็นศูนย์เป็นประจำทุกปี โดยสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ผ่านการใช้มาตรการประสิทธิภาพพลังงานและเทคโนโลยีการผลิตพลังงานหมุนเวียนในไซต์งาน

มาตรการประสิทธิภาพการใช้พลังงานประกอบด้วยการสร้างเปลือกอาคาร (facade) ที่มีประสิทธิภาพสูง การติดตั้งอุปกรณ์และแสงสว่างที่ประหยัดพลังงาน รวมถึงใช้เทคนิคการทำความเย็นและทำความร้อนด้วยแสงอาทิตย์แบบพาสซีฟ หรือ Passive Cooling (แนวทางการออกแบบอาคารให้เย็นสบาย โดยอาศัยธรรมชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพอากาศ ทิศทางแสงแดดและลม) ซึ่งระบบผลิตพลังงานหมุนเวียนในไซต์งานอาจรวมถึงเซลล์แสงอาทิตย์ น้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ และกังหันลม

อาคารที่ใช้พลังงานเป็นศูนย์สามารถช่วยให้เจ้าของอาคารลดต้นทุนด้านพลังงาน ลดความต้องการไฟฟ้าสูงสุด และมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

สำหรับโรงแรมขนาด 255 ห้องนี้จะเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารด้วยทางเดิน และได้รับการขนานนามว่าเป็น “โรงแรมที่ใช้พลังงานเป็นศูนย์แห่งแรกในสิงคโปร์ และอาจเป็นโรงแรมสนามบินที่ใช้พลังงานเป็นศูนย์แห่งแรกของโลก”

องค์ประกอบการออกแบบที่ยั่งยืนจะรวมถึงแผงโซลาร์เซลล์ ระบบทำความเย็นแบบผสมผสาน ทางเดินที่มีการระบายอากาศตามธรรมชาติ และเทคโนโลยีการเก็บน้ำฝน เช่นเดียวกับ “ป่าลอยน้ำ” ซึ่งเป็นชั้นของป่าฝนและต้นไม้แขวนลอยที่ทอดยาวไปทั่วทั้ง 7 ชั้น ของอาคาร

คุณสมบัติเหล่านี้ยังสอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนและความพยายามของสิงคโปร์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคการบิน ซึ่งสนามบินชางงีจะเปิดใช้งานระบบแผงโซลาร์เซลล์จุดเดียวที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ในปี 2568 ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าที่เปลี่ยนยานพาหนะขนาดเล็กใหม่ทั้งหมด เช่น รถตู้และรถมินิบัส ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า

Changi Airport Group ระบุในเว็บไซต์ของบริษัทว่า CAG มุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตเป็นศูนย์คาร์บอนให้ได้ภายในปี 2573 โดยจะจำกัดการปล่อยก๊าซทั้งหมดไว้ที่ระดับปี 2561 แม้ว่าจะยังคงขยายธุรกิจต่อไปก็ตาม แต่จะกระตือรือร้นค้นหาวิธีปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารของอาคารผู้โดยสาร ตลอดจนเพิ่มส่วนแบ่งของพลังงานหมุนเวียนในส่วนผสมพลังงาน ขณะเดียวกันยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรของสนามบินชางงี เพื่อสนับสนุนความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งในอากาศและภาคพื้นดิน ผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ เช่น สนับสนุนการยกระดับเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน เป็นต้น

สำหรับ Hotel Indigo Changi Airport จะสร้างขึ้นบนจุดจอดรถโค้ชของอาคารผู้โดยสาร 2 และมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2571 จะมีเดย์คลับ บาร์ และสระว่ายน้ำอินฟินิตี้บนดาดฟ้าด้วย โดยที่พักแห่งนี้จะร่วมกับโรงแรมอีกสองแห่งที่ตั้งอยู่นอกเขตการบิน (Landside hotel) ของสนามบินชางงี ได้แก่ Crowne Plaza Changi Airport (เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสาร 3) และ YOTELAIR Singapore Changi Airport ภายในส่วนของ Jewel Changi Airport (อาคารรูปโดมดีไซน์สะดุดตาออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิกชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังเป็นที่สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่สวยงามน่าทึ่ง ผสมผสานความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างลงตัวเพื่อการพักผ่อนอย่างเพลิดเพลิน)

Lee Seow Hiang ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Changi Airport Group (CAG) กล่าวว่า “แนวคิดโรงแรมที่เสนอโดย OUE Limited ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลนั้น น่าสนใจที่สุดและให้คำมั่นสัญญาว่าจะเป็นโรงแรมที่ใช้พลังงานเป็นศูนย์แห่งแรกในสิงคโปร์ และอาจเป็นโรงแรมแห่งแรกสำหรับโรงแรมสนามบินในโลกด้วย ด้วยความต้องการการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นเกินกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 โรงแรมแห่งใหม่นี้จะยกระดับการให้บริการที่สนามบินชางงีขึ้นไปอีกขั้น”

“เราตั้งใจที่จะให้บริการแขกของเราอย่างดีด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างและการเข้าถึงอาคารผู้โดยสาร 2 ที่สะดวกสบาย เราขอแสดงความยินดีกับ OUE ที่ได้รับรางวัลการประกวดราคา และหวังว่าจะได้เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อทำให้แนวคิดสำหรับ Hotel Indigo Changi Airport เป็นจริงขึ้นมา”

“ด้วยการผสมผสานการออกแบบที่ประหยัดพลังงานเข้ากับการดำเนินงานที่ใช้พลังงานต่ำ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในสถานที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด Hotel Indigo Changi Airport ถือเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับ OUE ในขณะที่เราพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาวิธีที่ยั่งยืนมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจของเรา” Brian Riady กล่าว รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการบริหารของ OUE กล่าว

ทั้งนี้ OUE Limited ก่อตั้งเมื่อปี 2507 เป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และการดูแลสุขภาพชั้นนำของสิงคโปร์

นอกจาก Landside hotel แล้ว ภายในสนามบินที่ดีสุดอันดับ 2 ของโลก ยังมีโรงแรมที่สะดวกสำหรับการต่อเครื่อง (Transit hotel) หลายแห่ง เช่น Aerotel Singapore ในอาคารผู้โดยสาร 1, Ambassador Transit Hotel ในอาคารผู้โดยสาร 2 และ 3 และ JetQuay Sleeping Suite ภายในอาคาร JetQuay CIP

CAG ชี้ว่าภาคการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสิงคโปร์ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมต่างๆ

“ในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 115% เป็น 13.6 ล้านคน จาก 6.3 ล้านคนในปีก่อนหน้า โดยรายรับจากการท่องเที่ยวคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 24,500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ถึง 26,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์” CAG ระบุ

“การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งคาดว่าจะดำเนินต่อไป โดยทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายรับจากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2567 ตามรายงานของคณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์”

ขณะที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) รายงานว่าอัตราการเข้าพักในโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ เทียบกับ 77% ในไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบด้านบวกของคอนเสิร์ต โคลด์เพลย์และเทย์เลอร์ สวิฟต์ในไตรมาสแรกของปี 2567 มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาเป็นปกติหลังจาก “โชคลาภที่เกิดจากคอนเสิร์ต” ดังกล่าว รายงานระบุเพิ่มเติม

ทั้งนี้ “โรงแรมคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์แห่งแรกในวัฏจักรชีวิตแห่งแรก” ของ IHG คือ voco Zeal Exeter Science Park ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2568 ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับคำจำกัดความ Net Zero Carbon Buildings Framework ของ UK Green Building Council

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทฯ ระบุว่า ด้วยโรงแรมมากกว่า 6,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศ IHG มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเจ้าของโรงแรมในการลดคาร์บอนและพิสูจน์ทรัพย์สินของตนในอนาคต ในขณะเดียวกันก็สร้างผลกำไร เพื่อปกป้องมูลค่าระยะยาวของธุรกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Karin Sheppard กรรมการผู้จัดการอาวุโสประจำยุโรป IHG Hotels & Resorts กล่าวว่า “เราดีใจที่ voco Zeal Exeter Science Park จะเป็นโรงแรมคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์แห่งแรกของ IHG ที่พักที่โดดเด่นแห่งนี้ในพื้นที่ที่สวยงามทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงของ IHG ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจะมอบที่พักที่ตรงกับความคาดหวังของพวกเขาในเรื่องความยั่งยืน”

ความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ที่กล่าวมา ยังตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดรับกับรายงานการวิจัยของ Booking.com บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำ ที่พบว่าในปี 2566 ผู้เดินทาง 76% มีแนวโน้มที่จะจองโรงแรมมากขึ้นหากโรงแรมนั้นได้รับใบรับรองสีเขียว นอกจากนี้ การศึกษานี้ยังพบว่า43% ของนักเดินทางเต็มใจที่จะจ่ายเงินให้กับที่พักที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น

กระบวนการตัดสินใจอย่างมีสตินี้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนที่กำลังกำหนดรูปแบบใหม่ของอุตสาหกรรมการบริการโดยรวม

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2024/04/28/world-first-zero-energy-airport-hotel-singapore/