Sustainability in Digital Marketing

Share

Loading

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึง Social Media และ Internet ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบเจอแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้ง Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ที่เป็นสื่อกลาง ทำให้คุณเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็คงเคยได้ยินคำว่า Digital Marketing ยิ่งกับคนที่ทำงานด้านการตลาด หรือผลิตคอนเทนต์ด้วยแล้วต้องคุ้นหูอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วการทำ Digital Marketing จึงเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้และอนาคต

Digital Marketing หรือ การตลาดดิจิทัล ก็คือการตลาดบนโลกดิจิทัล จากปกติที่คุณอาจจะต้องโฆษณาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณา โฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุ โบรชัวร์ หรือไปจัดบูธแสดงสินค้าเพื่อให้เข้าถึงลูกค้า เปลี่ยนมาเป็นการทำการตลาดผ่านตัวกลางด้วยอินเทอร์เน็ตบนโลกดิจิทัล ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลาง และรับสื่อได้ด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อย่าง Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ โดยลงผ่าน Digital Platform ต่างๆ หรือ เพียงแค่คุณโพสต์ลงใน Social Media ต่างๆ คุณก็สามารถเข้าถึงตัวลูกค้าได้โดยง่าย Digital Platform คือ ช่องทางบนโลก Online ที่รวบรวมทั้งธุรกิจ ร้านค้า ลูกค้า ให้มาเจอกันในโลก Online เช่น Search engines อย่าง Google Social Media อย่าง Facebook Instagram หรือ Websites อย่าง www.amazon.com www.ebay.com หรือการใช้ SaaS (Software as a Service) เช่น ระบบ CRM ก็นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์บนโลกดิจิทัลที่สามารถช่วยธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี

ในขณะเดียวกับที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญของการสื่อสาร การเชื่อมต่อ และพร้อมสนับสนุนแบรนด์หรือสินค้าที่มีค่านิยมเดียวกัน เจ้าของธุรกิจเองจึงต้องมองหาวิธีใหม่ๆ ในการเชื่อมต่อและเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายเช่นกัน ซึ่งก็คือการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นเอง และหนึ่งในค่านิยมที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นนั่นคือ ความยั่งยืน หรือ Sustainability ดังนั้น การรวมความยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์ทางการตลาด จึงมีความสำคัญ

เหตุผลที่เราควรรวมความยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล คือ

  1. การผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับการตลาดดิจิทัลจะส่งผลดีต่อโลกอย่างเห็นได้ชัด การผสมผสานกลยุทธ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นการลด Carbon Footprint ลดการใช้พลังงาน ขจัดมลพิษ รวมไปถึงการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการตลาด การใช้กิจกรรมเสมือนจริงแทนการทำด้วยตนเอง หรือการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความพยายามและการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในธุรกิจ ทุกส่วนของธุรกิจของคุณ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณค่าของแบรนด์ และผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจนั่นเอง
  2. ความยั่งยืนดึงดูดผู้บริโภคอายุน้อยหรือคนรุ่นใหม่ เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนรุ่น Millennium และคนรุ่น Gen Z เป็นผู้นำการเคลื่อนไหวด้านความยั่งยืนและสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และไม่ได้มองราคาเป็นปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียวแต่ยังมองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการมีส่วนในการตอบแทนสังคม การรวมความยั่งยืนในการตลาด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าคุณสามารถตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกทำงานหรือสนับสนุนธุรกิจใดๆ เพื่อดึงดูดคนกลุ่มนี้ให้เข้ามาร่วมงาน หรือเป็นฐานลูกค้า คุณควรจะมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสังคม การรักษ์โลก และให้คุณค่ากับความยั่งยืนด้วย
  3. ความยั่งยืนทำให้ธุรกิจของคุณมีอายุยืนยาวขึ้นหากสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้า เป้าหมายผ่านค่านิยมร่วมกันและความสามารถในการจัดหา Solution เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ดังนั้น ถ้าความยั่งยืนกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ก็ควรรวมความยั่งยืนไว้ในการตลาดด้วย เพราะจะช่วยสร้างฐานลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ อีกทั้งการที่แบรนด์ของคุณมีแนวปฏิบัติและค่านิยมด้านความยั่งยืน นอกจากจะทำให้แบรนด์เป็นที่น่าสนใจมากขึ้นแล้วยังแสดงให้เห็นว่าคุณรับฟังความต้องการและค่านิยมที่ เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าซึ่งจะช่วยสร้างฐานลูกค้าประจำที่มีความภักดีและมีความสำคัญต่อการสร้างธุรกิจที่ยืนยาวด้วย
วิธีรวมความยั่งยืนไว้ในการสื่อสารการตลาด

การตัดสินใจเลือกบรรจุภัณฑ์และการสร้างแบรนด์ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการรวมความยั่งยืนเข้ากับการสื่อสารทางการตลาดให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งควรเริ่มด้วยการเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นดิจิทัล ใช้การสร้างแบรนด์และบรรจุภัณฑ์เพื่อสื่อสารความพยายามและการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนของคุณ และแบ่งปัน อัปเดตและเปิดเผยเกี่ยวกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างสม่ำเสมอ

ความยั่งยืนไม่ใช่แค่คำฮิตอีกต่อไป ผู้บริโภคที่ขอให้แบรนด์ต่างๆ มีแนวปฏิบัติและมีความสนใจที่จะลดผลกระทบต่อผู้คนและโลกเพิ่มจำนวนมากขึ้น การสำรวจโดย Hotwire ในปี 2019 พบว่า “47% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกเลิกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากแบรนด์ที่ละเมิดค่านิยมส่วนบุคคล” ซึ่งนับเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่มาก และวิกฤตโควิดปี 2020 มีแต่เร่งให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านความยั่งยืนมากขึ้น ผู้คนต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์ของตนมาจากไหน ผลิตอย่างไร อยู่ในสภาพใด และต้องการช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นของตนมากกว่าที่เคย และข่าวดีก็คือแบรนด์ต่าง ๆ กำลังเริ่มก้าวกระโดดสู่กระแสแห่งความยั่งยืน ปัจจุบันหลายบริษัทมีความโปร่งใสมากขึ้นและทำให้เราแน่ใจว่าพวกเขาส่งผลกระทบเชิงบวกต่อโลกของเรา แต่ในฐานะแบรนด์ที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม จะต้องสื่อสารความคิดริเริ่มที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับหนทางการตลาดดิจิทัลที่ยั่งยืนด้วย

ในอีกแง่หนึ่งนั้นองค์การสหประชาชาติ ได้ให้คำนิยาม “ความยั่งยืน” ในปี 1987 ไว้ว่า “การพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่ลดทอนความสามารถของคนรุ่นต่อไปในการตอบสนองความต้องการของตนเอง” ในทางกลับกัน Hubspot ก็ได้ให้คำจำกัดความ การตลาดดิจิทัล ว่า “การตลาดดิจิทัลถูกกำหนดโดยการใช้กลยุทธ์และช่องทางดิจิทัลมากมายเพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าที่พวกเขาใช้เวลา ส่วนใหญ่ ทางออนไลน์” ซึ่งครอบคลุมทุกวิธีที่ธุรกิจดึงดูด แปลง และรักษาลูกค้าผ่านเครื่องมือและเทคนิคออนไลน์

ดังนั้น เมื่อรวมกันแล้ว เราสามารถนิยามการตลาดดิจิทัลที่ยั่งยืน ว่าเป็นวิธีการทั้งหมดเพื่อส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม ซึ่งหมายถึงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืนและมีจริยธรรมของแบรนด์และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในลักษณะที่สร้างผลกำไรให้กับทั้งบริษัท โลกของเรา และผู้คนในระยะยาว

Sustainability หรือความยั่งยืนไม่ใช่แค่ไอเดียหรือหลักการของแคมปญด้าน CSR อีกต่อไป เมื่อองค์กรธุรกิจทั่วโลกตื่นตัวมากขึ้นกับการนำธุรกิจ สินค้าและบริการของตนเข้าไปเชื่อมต่อกับคุณค่าด้านนี้ บางองค์กรยกให้ความยั่งยืนเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจของตนต่อไปอีกหลายสิบปีจากนี้ อย่างเช่น Epson ผู้ผลิตเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์และโปรเจคเตอร์อันดับหนึ่งของโลกจากประเทศญี่ปุ่นในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก ได้นำหลักความยั่งยืนมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนงานด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต ตลอดไปจนถึงขั้นตอนบรรจุภัณฑ์และโลจิสติกส์เพื่อรับประกันว่านวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะมีส่วนส่งเสริม สภาพสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ในฐานะผลผลิตที่สะท้อนถึงการนำหลักความยั่งยืนมาใช้ ล่าสุด Epson ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังเปิดตัวแคมเปญ “Be Cool” เพื่อสื่อสารถึงการตอบโจทย์ความต้องการงานพิมพ์ที่ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยนำเสนอ Solution เพื่อการพิมพ์งานภายในองค์กรผ่านเทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ ช่วยให้ประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั่วไปถึง 85% นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 85% และเนื่องจากไม่มีการใช้ความร้อน ทำให้มีชิ้นส่วนหรืออะไหล่ภายในตัวเครื่องที่น้อยกว่า ช่วยลดการใช้ชิ้นส่วนได้มากถึง 59% เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ครอบคลุมความต้องการใช้งานทางธุรกิจที่หลากหลาย ผ่านกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์กลุ่ม EcoTank ที่มาพร้อมกับแท็งค์หมึกความจุสูง รองรับการพิมพ์ในปริมาณมาก ไม่ทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์เหมือนการใช้ตลับหมึกหรือโทนเนอร์ ทำให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก และมีต้นทุนการพิมพ์ที่แสนประหยัด แต่ประสิทธิภาพการทำงานสูง นอกจากนี้ Epson ยังมีแผนพัฒนาและนำเสนอระบบรีไซเคิลกระดาษแบบแห้ง หรือที่เรียกว่า Epson PaperLab ให้กับทุกสำนักงาน ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีที่สามารถนำกระดาษที่ใช้แล้วนำมาย่อยสลายและขึ้นรูปให้กลับมาเป็นกระดาษใหม่ได้ ตอบโจทย์การพิมพ์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบวงจร และในปี 2020 ที่ผ่านมา EcoVadis บริษัทจัดอันดับองค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในแบบองค์รวม ได้ประเมินองค์กรธุรกิจมากกว่า 75,000 บริษัท จาก 200 อุตสาหกรรม ใน 160 ประเทศทั่วโลก และได้มอบเหรียญแพลตทินัมด้านความยั่งยืนให้แก่ Seiko Epson Corporation เพื่อเป็นการยกย่องความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการ CSR ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดย Epson ถูกจัดอยู่ในกลุ่มองค์กรที่ได้คะแนนสูงสุด ซึ่งมีเพียง 1% ในอุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งมาจากวิสัยทัศน์และการดำเนินธุรกิจทั้งในด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงแสดงออกถึงจุดยืนในการสนับสนุน ความยั่งยืน ทำให้ Epson ยังคงประสบความสำเร็จและอยู่ในวงการในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของความยั่งยืนในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลได้ว่า ความยั่งยืนนั้นไม่ใช่ภาระอีกต่อไป แต่กลับเป็นการสร้างจุดขายด้วยความแตกต่างได้

แหล่งข้อมูล

https://www.depa.or.th/th/article-view/sustainability-digital-marketing