Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24
Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25
Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ถือเป็นความคาดหวังประการหลักสำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งการที่เมืองจะมีความปลอดภัยนั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านเทคโนโลยี และทรัพยากรมนุษย์
The Economist Intelligence Unit ได้มีการจัดอำดับเมืองปลอดภัยประจำปี 2021 โดยคัดเลือกจาก 60 เมืองทั่วโลก โดยมีตัวชีวิต 76 ข้อ ที่ครอบคลุมทั้งในด้านดิจิทัล สุขภาพ โครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัยส่วนบุคคล และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการจัดอันดับในครั้งนี้ ถือเป็นการจัดทำขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว
10 เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ประจำปี 2021
ได้มีการจัดอันดับเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก 10 อันดับ จากจำนวน 60 เมื่อทั่วโลก โดยในปีนี้ เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก 10 อันดับแรก อยู่ในเอเชียแปซิฟิก 6 เมือง ยุโรป 3 เมือง และอเมริกาเหนือ 1 เมือง ดังนี้
1 โคเปนเฮเกน
2 โตรอนโต
3 สิงคโปร์
4 ซิดนีย์
5 โตเกียว
6 อัมสเตอร์ดัม
7 เวลลิงตัน
8 ฮ่องกง
9 เมลเบิร์น
10 สตอกโฮล์ม
โดยแชมป์เก่าจากการจัดอันดับครั้งที่แล้ว คือ โตเกียว ร่วงลงมาอยู่อันดับ 5 ขณะที่โคเปนเฮเกน เลื่อนขึ้นมาจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว ขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งของตาราง ส่วนกรุงเทพฯ อยู่อันดับ 43 ของโลก และอันดับ 16 ของเอเชียแปซิฟิก
ตัวแปรใหม่ซึ่งนำไปสู่วิกฤตที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ซึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้โจทย์ด้านความปลอดภัยของเมืองมีความแตกต่างออกไป นั้นก็คือการระบาดของโควิด 19 ซึ่งความรุนแรงที่แผ่ขยายตัวอย่างไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน จนทำให้แนวคิดทั้งหมดเกี่ยวกับการบริหารด้านความปลอดภัยต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ดังนี้
- รูปแบบการทำงานจากในสำนักงานเป็น Work from Home หรือ Work from Anywhere
- การทำธุรกิจที่มีการค้าทางออนไลน์มากขึ้น
- ผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรูปแบบการเดินทางและที่ที่ผู้อยู่อาศัยใช้สาธารณูปโภค
- หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยส่วนบุคคล จำเป็นต้องจัดการกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอาชญากรรมในขณะที่มีการล็อกดาวน์
ดัชนีชี้วัดความปลอดภัย
The Economist Intelligence Unit ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก NEC ได้นำเสนอดัชนีเมืองปลอดภัยฉบับที่ 4 โดยดัชนีนี้ครอบคลุมเมืองใหญ่ 60 เมืองทั่วโลก และมี 76 ตัวชี้วัด ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในเมืองในด้านต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 5 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่
1 ความปลอดภัยส่วนบุคคล
2 สุขภาพ
3 โครงสร้างพื้นฐาน
4 ดิจิทัล
5 ความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม (ดัชนีชี้วัดตัวใหม่ที่พึ่งเพิ่มเข้ามาในปีนี้)
สำหรับการจัดอำดับในปีนี้ พบว่าเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกได้แก่ โคเปนเฮเกน ซึ่งมี 82.4 คะแนนจาก 100 คะแนน ส่วนเมืองที่ตามมาติด ๆ ได้แก่ โตรอนโต ซึ่งได้ 82.2 คะแนน
ส่วน โตเกียว สิงคโปร์ และโอซาก้า ถือว่ายังคงเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยอยู่ในลำดับต้น ๆ เสมอ ส่วนเมืองต่าง ๆ ของอเมริกาไม่ติด 10 อันดับแรกของตาราง แต่ก็ถือว่ามีความปลอดภัยทางด้านดิจิทัล โดยลอสแองเจลิส และ ซานฟรานซิสโก มีคะแนนอยู่ใน 5 อันดับแรก ของหมวดหมู่นี้
ปัจจัยที่ทำให้โคเปนเฮเกนปลอดภัยมากที่สุดในโลก
Lars Weiss นายกเทศมนตรีเมืองโคเปนเฮเกน กล่าวว่า…
“ทุกคนควรรู้สึกปลอดภัยในโคเปนเฮเกน ไม่ว่าเด็กหรือผู้สูงอายุ ชายหรือหญิง รวมถึง LGBTI+ หรือชนกลุ่มน้อยอื่นๆ นั่นคือเหตุผลที่เราทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยสำหรับพลเมืองของเรา”
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้โคเปนเฮเกนเป็นเมืองที่ปลอดภัย ก็คืออัตราการเกิดอาชญากรรมที่ต่ำลงในปัจจุบัน ซึ่งเรียกได้ว่าต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษ เพราะมีการมุ่งเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยเน้นการป้องกันเหตุก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
ซึ่งมันไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพียงอย่างเดียว แต่ความปลอดภัยของเมืองนั้นจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยความร่วมมือในท้องถิ่น เช่น โรงเรียน สโมสรเยาวชน หน่วยงานบริการสังคม และตำรวจ ซึ่งความสามัคคีของประชาชนคือสิ่งสำคัญมาก
รวมถึงโคเปนเฮเกนถือเป็นเมืองที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยมีวัฒนธรรมที่สมัครสมานกลมเกลียว ดังเราจะเห็นได้ว่า พนักงานทำความสะอาดและซีอีโอบริษัทใหญ่ใช้บริการที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นและให้ลูกเรียนในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของวัฒนธรรมเดนมาร์ก ซึ่งส่งผลให้เกิดพลังในการร่วมมือของคนในสังคม
ความท้าทายใหม่ ๆ ของเมือง
แม้ว่าจะมีแนวโน้มของการเกิดอาชญากรรที่ลดจำนวนลงทุกปี แต่ความท้าทายสำคัญที่ทุกคนไม่ปล่อยปะละเลย นั้นก็คือการกระทำผิดซ้ำ ๆ ของผู้ก่อเหตุที่เป็นเยาวชน
ดังนั้น ในขั้นต่อไปจะมีการมุ่งเน้นไปจัดการกับกลุ่มแก๊งค์อันธพาลต่าง ๆ ทั้งในแง่ป้องกันและปราบปราม รวมถึงจะต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน โดยส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งในกลุ่มเยาวชนอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรม
รวมถึงได้มีการให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานของประชากร นั้นก็คือทุกคนจะต้องปลอดภัยในการปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน หรือไปโรงเรียน แม้แต่เด็กที่อายุน้อยที่สุด จะต้องมีความปลอดภัยในการใช้เส้นทางจักรยาน ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพราะประชากรเกิดครึ่งของโคเปนเฮเกน เดินทางสัญจรในเมืองด้วยรถจักรยาน
ความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม
โคเปนเฮเกนตั้งเป้าที่จะเป็นเมืองหลวงที่ปราศจากคาร์บอนแห่งแรกของโลก ภายในปี 2025 ซึ่งต้องใช้ 2 แนวทาง คือ
1 บรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
2 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
รวมถึงภายในเมืองจะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อลดการใช้พลังงาน ผลักดันกลุ่มพลังงานสีเขียน ตลอดจนส่งเสริมการเดินทางที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น เดิน จักรยาน เป็นต้น
นอกจากนี้ โคเปนเฮเกนกำลังดำเนินมาตรการปรับสภาพภูมิอากาศ ด้วยปรับปรุงความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งมีส่วนทำให้การอยู่อาศัยในเมืองหลวงดีขึ้น โดยได้สร้างสวนสาธารณะใหม่และพื้นที่สีเขียวในเมืองให้เพิ่มมากขึ้น
และทั้งหมดนี้คือ โคเปนเฮเกน เมืองที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลกประจำปี 2021
เรียบเรียงโดย Security Systems Magazine
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม www.salika.co
เครดิตรูปภาพ https://pixabay.com/