สัมภาษณ์พิเศษคุณสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เรื่อง การปรับองค์กรรับมือในยุค COVID-19

Share

Loading

ภาพรวมของบริษัทก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดโควิด 19

บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯ ที่ก่อตั้งในปี 2535 ทำธุรกิจด้าน Information Technology แบบค้าส่งมาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มธุรกิจจนถึงปัจจุบัน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2547

บริษัทฯ เน้นการนำเทคโนโลยีมาช่วยองค์กรและคนไทยให้ดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตกว่า 70 ราย โดยแบ่งสินค้าเป็นกลุ่มแล้วบริหารงานแบบ Business Unit ที่แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลักคือ Consumer BU ที่เป็นกลุ่มสินค้า IT สำหรับใช้ส่วนตัว, Phone BU กลุ่มโทรศัพท์มือถือ, Commercial BU สินค้า IT สำหรับใช้ในภาคธุรกิจ, Enterprise BU กลุ่มสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง, Cloud Service BU กลุ่มบริการแบบ Cloud และ Security & Home Automation BU ที่เป็นงานด้านความสะดวกและปลอดภัย

บริษัทฯ จำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทผู้แทนประมาณ 6,000 บริษัท โดยมีรายได้รวมในปี 2562 ที่ 20,477 ล้านบาท, มีพนักงานทั้งสิ้นกว่า 700 คน

ในยุคการแพร่ระบาดโควิด19 มีผลกระทบอะไรบ้างกับสถานการณ์นี้

ผลกระทบด้านธุรกิจมีสองมิติ คือในแง่ระยะเวลา ที่เป็นผลกระทบระยะสั้น ที่ทำให้เกิดปัญหาทันที และผลกระทบระยะยาว ที่เห็นได้เลยว่าต่อไปมีปัญหาแน่นอน และอีกมิติในแง่ที่เป็นผลกระทบโดยตรง และผลกระทบทางอ้อม

ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นทันที คือ เมื่อรัฐบาลปิดศูนย์การค้าที่ทำให้ร้านค้าปลีกในศูนย์การค้าต้องหยุดกิจการไปด้วย ซึ่งร้านค้า IT และโทรศัพท์เหล่านี้ เป็นช่องทางสำคัญของบริษัทฯ ที่ทำให้รายได้ส่วนนี้ของบริษัทฯ หายไป

ผลกระทบทางอ้อมในระยะสั้น เช่น ข้อจำกัดในการทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้น เช่นห้ามจัดสัมมนาหรือประชุมที่มีคนจำนวนมากเข้าร่วม หรือแม้แต่การประชุมเล็ก ๆ ก็ดูจะเป็นปัญหาที่มีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยง ซึ่งบริษัทฯ ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่การแนะนำเทคโนโลยี/สินค้าใหม่ให้ช่องทาง เป็นงานที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้การดำเนินธุรกิจทำได้ยากขึ้น

ผลกระทบโดยตรงในระยะยาวมีหลายด้าน ตั้งแต่งบประมาณที่ลดลงอย่างมากของภาครัฐบาลในการใช้จ่ายด้าน IT เนื่องจากต้องนำเงินไปใช้ในการแก้ปัญหาโควิด 19, หลาย ๆ อุตสาหกรรมจะใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว เช่นสายการบิน, โรงแรม ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายด้าน IT สูง รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ทำให้กำลังซื้อโดยรวมลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมีผลต่อรายได้ของบริษัทฯ

บริษัทฯ ได้มีการวางแผนรับมืออย่างไร

เรื่องแรกที่ดำเนินการคือการดูแลความปลอดภัยของพนักงานจากโรคระบาดและความต่อเนื่องของธุรกิจที่ต้องสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องภายใต้ทุกสถานการณ์ ซึ่งได้มีการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงของพนักงานจากโรคระบาดที่ต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เช่น การปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดรวมถึงออกมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ การลดความเสี่ยงจากการเดินทาง โดยให้พนักงานสลับกันทำงานที่บ้าน โดยจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พนักงานสามารถทำงานจากบ้านได้ ซึ่งถือเป็นการฝึกซ้อมการทำงานจากบ้าน ว่าจะติดขัดอะไรบ้างหรือไม่ เนื่องจากในช่วงแรก มีความเสี่ยงที่จะมีคำสั่งเคอร์ฟิวทั้งวัน จึงจำเป็นที่ต้องวางแผนว่าบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจได้อย่างไรภายใต้การประกาศเคอร์ฟิว ฯลฯ

เรื่องถัดมาคือการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ตั้งแต่ ผู้ถือหุ้น Supplier สถาบันการเงิน และที่สำคัญคือพนักงาน ว่าบริษัทฯ ได้รับผลกระทบอย่างไร เรื่องที่บริษัทฯ เป็นห่วงคืออะไร และต้องการความร่วมมือจากพนักงานในเรื่องใดบ้าง ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าการให้ข้อมูลอย่างเปิดเผย ช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงสถานการณ์และได้รับความร่วมมือที่ดีขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่นมีการโยกย้ายพนักงานจากหน่วยงานที่งานลดลงไปยังหน่วยงานอื่น

ในอนาคตมีการวางแผนอย่างไร ทั้งเรื่องลูกค้า ผลิตภัณฑ์ และการดูแลลูกค้า

ได้มีการติดตามและคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นและในระยะยาวพร้อมกับการปรับยุทธวิธีของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น เช่น :

ด้านสินค้า
มีการประเมินว่าต่อไปเทคโนโลยีด้านใดที่จะช่วยให้ลูกค้าปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น เช่นมีการนำเทคโนโลยีที่จะช่วยแยกพนักงานที่มีไข้ออก เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัส มาช่วยการลดการแพร่ระบาดของไวรัสในที่ทำงาน หรือเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถทำงานจากบ้านได้ดีขึ้น เช่นเทคโนโลยีด้าน Virtual Desktop ที่ย้าย Windows ไปไว้ใน Server ที่ทำให้ทำงานจากไหนก็ได้ หรือทำให้การประชุมทางไกลมีประสิทธิภาพขึ้น เช่นอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ได้ภาพและเสียงที่ดีขึ้น ฯลฯ ซึ่งจะมีการแนะนำและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ไปให้เพื่อให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพขึ้น

ในแง่ช่องทางการจัดจำหน่าย ก็เชื่อว่าการขายแบบ online จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้ขยายงานในส่วนนี้ มีการเพิ่มพนักงานในส่วนนี้ มีการปรับระบบพื้นฐานเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการปรับไปจำหน่าย online ให้สามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพขึ้น

มีอะไรที่อยากจะแนะนำ ลูกค้า พาร์ทเนอร์ และผู้แทนจำหน่าย

มี 3 เรื่องที่อยากแนะนำ

เรื่องแรกที่สื่อต่างๆ ได้พูดถึงกันไปแล้ว และเรียกกันว่า New Normal ซึ่งกล่าวสั้นๆ ว่า “จะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน” หลายท่านที่อยากทำอะไร แต่หยุดไว้ก่อน รอให้เป็นปกติก่อน ฯลฯ ต้องคิดใหม่ หันมาดำเนินชีวิต ดำเนินธุรกิจภายใต้เงื่อนไขที่จะไม่เหมือนเดิมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องปรับตัวให้ใช้ชีวิตต่อไปได้ภายใต้ข้อจำกัดที่จะต่อเนื่อง เพราะผู้เชี่ยวชาญหลายท่านออกมาคาดการณ์แล้วว่าการแพร่ระบาดในครั้งนี้อาจต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี และผู้คนยังคงระมัดระวังต่อไปจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันและมียารักษาโรคที่ดี รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมที่อาจเปลี่ยนไปถาวร

เรื่องถัดไปที่อยากแนะนำคือ ให้ถอยกลับมาตั้งหลักที่ลูกค้าว่าจะต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้างภายใต้สภาพที่เปลี่ยนไปบ้าง หรือธุรกิจของลูกค้าจะมีอุปสรรคอะไร จะเจอกับปัญหาอะไร และท่านจะแนะนำอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีอะไรที่นำมาแก้ปัญหาได้บ้าง เพราะทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดปัญหาและโอกาสใหม่ ๆ เสมอ

สุดท้ายคือเรื่องการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่แนะนำให้ทุกท่านแบ่งทรัพยากรออกเป็น 2 ส่วน (ทรัพยากรในที่นี้ หมายถึงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเวลา การลงทุน ฯลฯ) ส่วนแรก เป็นเรื่องระยะสั้น ที่ท่านต้องหาทางทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ทันที เช่นการดูสภาพคล่อง ค่าใช้จ่าย ฯลฯ ให้ธุรกิจยังดำเนินกิจการต่อได้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องมองไปข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น โอกาสใหม่ ๆ คืออะไร แล้วลงแรง ลงเวลา และลงทุนไปกับเรื่องใหม่ ๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าในอนาคต และทำให้ธุรกิจต่อเนื่องไปได้

สุดท้ายอยากกล่าวให้กำลังใจลูกค้า พาร์ทเนอร์ และผู้แทนจำหน่ายอย่างไร

ถือเป็นความโชคดีของพวกเราทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เพราะไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ยังคงมีความต้องการด้านการนำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหา การปรับธุรกิจให้สอดรับกับแนวทางที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเสมอ ซึ่งบริษัท SiS ก็จะเป็นแนวหน้าในการนำสินค้าและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูงมาช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าเข้ามาให้บริการ เช่น

ระบบแยกคนไข้
เป็นระบบที่วัดอุณหภูมิของร่างกาย ที่ช่วยระบุคนที่มีไข้ได้ ช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นระบบที่บริษัทฯ ทดสอบแล้วว่าใช้งานได้ดี มีให้เลือกหลายระดับราคาเพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน และได้จำหน่ายไปแล้วจำนวนมากให้กับสถานพยาบาล โรงงาน อาคารต่าง ๆ ที่มีคนจำนวนมากและมีความจำเป็นต้องแยกคนไข้ออกเพื่อลดความเสี่ยงด้านการแพร่ระบาด

ระบบภาพและเสียงที่ดีขึ้น
เพื่อลดการแพร่ระบาดที่มีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการพบปะกันในขณะที่การติดต่อสื่อสารยังคงเป็นเรื่องจำเป็น การติดต่อผ่านระบบ video conference จึงเป็นทางเลือกที่ดี ที่บริษัทฯ มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การประชุมทำได้ดีขึ้น ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางที่เสริมให้การประชุมผ่าน PC/Notebook ทำได้ดีขึ้น เช่นลำโพงและไมโครโฟนที่ช่วยให้เก็บเสียงได้ง่าย ๆ ระบบ video conference และจอภาพที่ช่วยให้ประชุมทางไกลได้ดีขึ้น

ระบบ Virtual Desktop
ความต้องการให้ทำงานที่ไหนก็ได้ เพื่อให้ทำงานนอกสถานที่ได้ดีขึ้น เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นก่อนหน้าจะมีปัญหา Covid-19 แล้ว และเป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายใต้สถานการณ์ Covid-19 ซึ่ง Virtual Desktop ที่เป็นการย้าย Windows ไปไว้ที่ Server เพื่อให้ใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ และจากที่ไหนก็ได้ เชื่อมต่อเข้ามาใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เหมือนเดิม เป็น solution ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งบริษัทฯ มีระบบ VDI ให้บริการหลายระบบ

SiS Cloud Service
เป็นระบบ Server & Storage ที่ให้เช่าใช้บน Cloud ที่เปิดให้ลูกค้าเช่าใช้รายเดือนได้ ซึ่งในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง การเช่าใช้ระบบต่าง ๆ เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี ซึ่ง SiS ให้บริการ Cloud Service มาแล้วหลายปี มีผู้เช่าใช้ผ่านคู่ค้าของบริษัทฯ ไปแล้วจำนวนมาก

และสุดท้าย ก็ขอให้กำลังใจกับทุกท่านที่ต้องทั้งอดทนและช่วยกันประคองให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติที่ยากลำบากในครั้งนี้ ที่ทำให้เชื่อว่าประเทศไทย จะเป็นหนึ่งในประเทศที่ผ่านวิกฤติไปได้อย่างประสบผลสำเร็จ

บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 9 อาคารภคินท์ ชั้นที่ 9 ห้องเลขที่ 901 ถนนรัชดาภิเษก
แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
Tel : 0-2020-3000
Fax : 0-2020-3780

http://www3.sisthai.com/sis/page/xpage.php