Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24
Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25
Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26
ที่ผ่านมา Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ที่ออกมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยให้สิทธิ์ในการเลือกว่าจะอนุญาตให้แอปพลิเคชันติดตามข้อมูลหรือไม่ และถึงกับนำประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน มาเป็นจุดเด่นเหนือคู่แข่ง ผ่านโฆษณา iPhone ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งาน iPhone ทั่วโลก อาจไม่สามารถวางใจได้เต็มร้อย ว่า iPhone ที่ใช้อยู่ ไม่ได้แอบเก็บข้อมูล โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตผู้ใช้งานมาก่อน
นักวิจัยด้านความปลอดภัยจากบริษัทที่มีชื่อว่า Mysk รายงานว่า แอปพลิเคชันของ Apple ที่ติดตั้งอยู่ใน iPhone ทุกเครื่อง กำลังแอบเก็บข้อมูลแบบลับ ๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ได้อนุญาต
และแม้ Apple จะมีตัวเลือกการตั้งค่า “แชร์ข้อมูลการวิเคราะห์” ให้เลือกเปิด หรือปิด แต่นักวิจัยก็พบว่า ตัวเลือกที่ว่านี้ ไม่ได้ช่วยอะไร และพบว่ายังคงมีการส่งข้อมูลกลับไปให้ Apple อยู่ดี โดยตัวอย่างของแอปจาก Apple ที่เก็บข้อมูลจากผู้ใช้ มีทั้ง App Store, Apple Music, Apple TV, แอปอ่านหนังสือ Books และแอปดูหุ้น Stocks เป็นต้น
Mysk ยกตัวอย่างข้อมูลที่ Apple แอบเก็บจากผู้ใช้งาน iPhone ในขณะใช้งาน App Store มีทั้ง ข้อความที่พิมพ์ แอปที่ค้นหา โฆษณาในแอปที่เห็น ภาษาของคีย์บอร์ด ความละเอียดหน้าจอ วิธีที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต รวมถึง ID เฉพาะของโทรศัพท์แต่ละเครื่อง และแม้จะมีการเลือกปิดตัวเลือก โฆษณาสำหรับคุณโดยเฉพาะ (Personalize Ad) ก็ไม่ได้ทำให้ Apple เลิกเก็บข้อมูลแต่อย่างใด
ส่วนแอป Stocks ซึ่งเป็นแอปที่ใช้สำหรับการดูหุ้นบน iPhone Mysk พบว่ามีการเก็บข้อมูล ทั้งรายชื่อหุ้นที่ดู ข่าวที่เปิดอ่าน รวมถึงเวลาที่เข้ามาดูหุ้นในแอป Stocks อีกด้วย
นอกจากนี้ Mysk ยังได้ทดลองด้วยว่า Apple เก็บข้อมูลจากผู้ใช้ใน iOS เวอร์ชันอะไรบ้าง โดยพบว่า iPhone ทั้งที่ใช้งาน iOS 14.6 และ iOS 16 มีการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานไม่ต่างกัน ทั้งที่ iOS 14.6 เป็น iOS ที่มาพร้อมตัวเลือกไม่ให้แอปต่าง ๆ ติดตามข้อมูลของผู้ใช้ (Ask App Not to Track)
– ข้อมูลที่ Apple เก็บไป สำคัญขนาดไหน ?
แม้ข้อมูลที่ Apple เก็บไปจากผู้ใช้งาน iPhone จะดูเป็นข้อมูลธรรมดา ๆ แต่ในความจริงแล้ว Mysk ให้ความเห็นว่า ข้อมูลนี้สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ ทั้งสุขภาพจิตใจ ความหลงใหล รสนิยมทางเพศ หรือแม้แต่ศาสนา ของผู้ใช้งาน iPhone
– ทำไม Apple เก็บข้อมูลผู้ใช้งาน iPhone จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่
สาเหตุที่ทำให้การเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน iPhone กลายเป็นเรื่องใหญ่ จนนักวิจัยด้านความปลอดภัยต้องออกมาให้ข้อมูล เป็นเพราะที่ผ่านมา Apple ชูจุดเด่นด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มาโดยตลอด โดยเฉพาะการทำโฆษณา ทั้งในทีวี และป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ รวมถึงนิยามของการติดตามข้อมูลผู้ใช้งานของ Apple ก็ต่างจากที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะ Apple ระบุว่า การเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งาน ยังไม่ใช่การติดตามข้อมูล เพราะข้อมูลถูกเก็บอยู่ที่ Apple เพียงแห่งเดียว ซึ่งการเก็บข้อมูลนี้ จะกลายเป็นการติดตามข้อมูล ก็ต่อเมื่อข้อมูลนั้นถูกนำไปเชื่อมโยงกับข้อมูลจากบริษัทอื่น ๆ
และสุดท้าย Mysk ได้ทำการทดลองการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ทั้งจาก Google และ Microsoft พบว่า แอป Google Chrome และ Microsoft Edge จะไม่มีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานส่งกลับไป หากผู้ใช้งานไม่ได้เลือกให้ความยินยอมเสียก่อน..
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/MarketThinkTH/photos/a.1393665140725873/5535852206507125/