Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24
Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25
Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26
“ซิสโก้” จับมือ “แพลนเน็ตคอม” พัฒนาต้นแบบ “โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์” ขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ในไทย ทำหน้าที่เป็นแกนหลักรองรับการบริการบนดิจิทัล-จัดการข้อมูล ช่วยเมืองพัฒนาสู่ความเป็นอัจฉริยะ ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อมเพิ่มความปลอดภัย
นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และพม่า กล่าวว่า ซิสโก้ และ บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย (PLANET) เปิดตัว “PLANET Edge Data Center” โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์ต้นแบบสำหรับขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
โดยความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาดิจิทัลในประเทศไทย (Country Digital Acceleration – CDA) ของซิสโก้ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมศักยภาพการเชื่อมต่อและสร้างประสบการณ์ดิจิทัลแบบเน็กซ์เจนให้กับประชาชนผ่านนวัตกรรมสมาร์ทซิตี้ เช่น ระบบไฟส่องสว่างแบบอัจฉริยะตามท้องถนน และระบบเซ็นเซอร์ ฯลฯ
ขณะที่ประเทศไทยกำลังขยายโครงการสมาร์ทซิตี้อย่างต่อเนื่อง โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์จะมอบแพลตฟอร์มที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และประหยัดพลังงานพร้อมความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ขับเคลื่อนโซลูชั่นที่ใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า (Big Data), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) ที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากทางด้านเศรษฐกิจและสังคมทั่วประเทศ
“ปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่บนเส้นทางการเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าในด้านต่างๆ และ โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญบนเส้นทางดิจิทัลของประเทศที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของไทย และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ชีวิตดิจิทัลที่ก้าวล้ำ เราหวังว่าจะได้เห็นเทศบาล อำเภอ หรือเมืองอัจฉริยะมากขึ้นที่ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือนี้”
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบัน เนื่องจากมีการใช้งาน Big Data, IoT และ AI เพิ่มมากขึ้น จึงมีความต้องการระบบประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงมากกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของเมืองเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีข้อมูลมหาศาลและถูกประมวลผลแบบเรียลไทม์
รวมถึงข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ และกล้องที่ติดตั้งในตัวเมือง, การทำ Image Processing สำหรับระบบ Face Recognition เพื่อวิเคราะห์และรู้จำใบหน้า หรือระบบอ่านและค้นหาป้ายทะเบียนรถ รวมถึงไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ฯลฯ
“เราจะนำเสนอรูปแบบของโซลูชั่นดาต้าเซ็นเตอร์แบบครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาและความท้าทาย โดยทำงานร่วมกับบริการคลาวด์ที่มีอยู่เพื่อใช้งานด้านข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รองรับการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนเมืองต่างๆ ให้เป็นดิจิทัลซิตี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และความปลอดภัยของประชาชน”
โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์ สามารถตอบโจทย์ความต้องการการพัฒนาเมืองได้หลากหลายมิติ ขณะเดียวกันมีจุดเด่นที่เวลาในการติดตั้งน้อย มีประสิทธิภาพสูง ต้นทุนต่ำกว่ามาก ทั้งมีความยืดหยุ่นในการเลือกลงทุน การนำไปปรับใช้จริง เบื้องต้นงบการลงทุนที่ใช้เร่ิมต้นได้ที่ 5 ล้านบาท หรือ สามารถเลือกแบบเช่าใช้ปีละประมาณ 1 ล้านบาทก็ได้ ด้านมาตรฐานเป็นไปตามข้อกำหนดระดับสากล
ที่ผ่านมา แพลนเน็ตคอมและซิสโก้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน การขยายความร่วมมือดังกล่าวภายใต้โครงการ CDA ของซิสโก้ แพลนเน็ตคอมในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล มุ่งพัฒนาโซลูชั่นเพื่อสร้างเมืองดิจิทัลที่สามารถใช้ศักยภาพของ 5G ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ และชีวิตที่มีคุณภาพ
ขณะที่ การเป็นพาร์ทเนอร์กับซิสโก้ทำให้ธุรกิจและการบริการของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สำหรับการพัฒนา “PLANET Edge Data Center” ตั้งเป้าว่าจะนำไปติดตั้งตามหัวเมืองจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศภายในปี 2566 โดยกลุ่มลูกค้าหลักคาดว่าจะเป็น สมาร์ทซิตี้ นิคมอุตสาหกรรม หน่วยงานราชการ เช่น กสทช. สาธารณสุข ฯลฯ
โมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์บรรจุความสามารถของดาต้าเซ็นเตอร์ในคอนเทนเนอร์มาตรฐานสำหรับการขนส่ง โดยมีอัตราส่วนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Power Usage Effectiveness – PUE) อยู่ที่ 1.3 ถึง 1.5 สามารถขนย้ายไปได้เกือบทุกที่ทั่วโลก ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก มีความยืดหยุ่นของโลเคชั่นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังสามารถปรับขนาดของบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในแต่ละพื้นที่ และรองรับการทำภารกิจในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ โดยสามารถใช้งานแทนดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ระดับไฮเปอร์สเกลที่ไม่จำเป็นต้องสร้างระบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ฐานราก
ข้อดีของโมบายล์ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือดาต้าเซ็นเตอร์แบบตู้คอนเทนเนอร์
- เพิ่มกำลังความสามารถของดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อตอบสนองความต้องการ ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูงสุดได้ถึง 50%
- สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็วภายใน 12 ถึง 16 สัปดาห์
- ประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม โดยค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาตาเซ็นเตอร์ (PUE) อยู่ที่ 1.3 ถึง 1.5 สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ถึง 30%
- โซลูชั่นแบบครบวงจรลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง และช่วยให้สามารถใช้งานได้จริงภายในเวลาอันรวดเร็ว
- ขนย้ายได้สะดวก เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดเตรียมโลเคชั่น หรือเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ
แหล่งข้อมูล