อังกฤษเตรียมใช้ “โดรนส่งยาคีโมรักษามะเร็ง” เป็นเจ้าแรกของโลก

Share

Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24

Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25

Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26

Loading

อังกฤษเตรียมใช้โดรนช่วยขนส่งยาคีโมรักษามะเร็ง ให้กับผู้ป่วยที่อยู่บนเกาะและพื้นที่ห่างไกล เพื่อร่นระยะการเดินทางและลดการเกิดมลภาวะ

เวลาทุกนาทีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคร้ายอย่างมะเร็ง ความหวังครั้งใหม่เกิดขึ้นเมื่อ ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service: NHS) ของสหราชอาณาจักร ได้ประกาศกำหนดการนำร่องการใช้โดรนในการส่งยาคีโมเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อร่นระยะเวลาในการขนส่งยารักษามะเร็งสู่พื้นที่บนเกาะ และพื้นที่ห่างไกล นอกจากนั้นยังช่วยลดปัญหาการเดินทางที่ยากลำบากของผู้ป่วยที่ต้องมารับการรักษาบนแผ่นดินใหญ่

ตามกำหนด ทีมเภสัชกรจะส่งยาคีโมจากมหาวิทยาลัย Portsmouth Hospitals University ไปยังโรงพยาบาล St Mary’s บนเกาะ Isle of Wight โดยใช้โดรนที่พัฒนาโดย Apian บริษัทสตาร์ตอัปที่มีอดีตนายแพทย์จาก NHS เป็นผู้ก่อตั้ง และได้จับมือกับทีมงานเก่าจากบริษัท Google ในการพัฒนาโดรนขนส่งยาคีโม

วิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาการขนส่งจากปกติ 4 ชั่วโมง เหลือเพียง 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนั้นการขนส่งทางโดรนยังช่วยลดต้นทุนจากการขนส่งปกติ ที่ใช้การขนส่งด้วยรถอย่างน้อย 2 เที่ยวขาไป-กลับ และการขึ้นเรือข้ามฟากอีก 1 เที่ยว ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้เป็นอย่างดี

การนำร่องการใช้โดรนส่งยาคีโมครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการใช้โดรนเพื่อขนส่งสินค้าของบริษัท Royal Mail ผู้ให้บริการไปรษณีย์และขนส่งข้ามชาติของอังกฤษ ได้ทำการศึกษาการใช้โดรนในการขนส่งสินค้ามาเป็นเวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งพวกเขามีแผนการเปิดใช้งานเส้นทางการขนส่งทางโดรนกว่า 50 เส้นทางในช่วงอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และอนาคตการใช้โดรนในการขนส่งอาจเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั่วโลก เพื่อช่วยประหยัดเวลาและรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในการขนส่งสินค้าในชีวิตประจำวัน

แหล่งข้อมูล

https://news.thaipbs.or.th/content/317701