Android ตามรอย iOS เตรียมพัฒนาฟีเชอร์ความเป็นส่วนตัว ไม่ให้แอป Tracking การใช้งาน

Share

Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24

Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25

Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26

Loading

Google ออกมาประกาศนโยบายด้านความเป็นส่วนตัวใหม่ของระบบแอนดรอยด์ (Android) ที่จะตัดการ Tracking ระหว่างแอปฯ หากผู้ใช้งานไม่อนุญาต

ตามรอย Apple ที่ได้ออกนโยบายด้านความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานไปในปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ทำให้วงการโฆษณาได้รับผลกระทบและต้องปรับตัวกันยกใหญ่ โดยทาง Google กล่าวว่า ทางบริษัทได้พัฒนาระบบด้านความเป็นส่วนตัวใหม่นี้ เพื่อมาแทนรหัสโฆษณา (Advertising ID) หรือก็คือรหัสเฉพาะที่ใช้ระบุเครื่องมือสื่อสารของผู้ใช้งาน ซึ่งรหัสตัวนี้เอง ที่เป็นตัวช่วยสำคัญ ทำให้บริษัทโฆษณาสามารถติดตาม และแบ่งปันข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้งานได้

แน่นอนว่าเรื่องนี้ ส่งผลโดยตรงต่อบริษัทโฆษณาอย่างหนัก ตั้งแต่ตอนที่ Apple ออกนโยบายห้ามไม่ให้ผู้โฆษณาสามารถ Tracking แอปฯ ได้แล้ว และต่อมาเป็นคราวของระบบแอนดรอยด์จาก Google ซึ่งก็น่าจะยิ่งเดือดร้อนกันเข้าไปใหญ่ เพราะผู้ใช้งานระบบแอนดรอยด์ครองสัดส่วนสมาร์ตโฟนโลกถึง 69.7% เลยทีเดียว

ตัวอย่างบริษัทที่ได้ออกมาพูดถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Apple อย่างชัดเจน ก็คือ Meta บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram และ WhatsApps โดยทาง Meta ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายของระบบ iOS ของ Apple ที่ไม่ให้ Tracking การใช้งาน จะทำให้รายได้จากการโฆษณาของบริษัท หายไปกว่า 322,200 ล้านบาท ในปี 2022 นี้ และยังทำให้มูลค่าบริษัทหายไปกว่า 7 ล้านล้านบาท หลังจากประกาศเรื่องรายได้จากโฆษณาที่จะลดลง

อย่างไรก็ดี เหมือนกับว่า Meta จะจับทางออกแล้ว ว่าก้าวต่อไปของ Google หลังจากการปรับเปลี่ยนนโยบายเหมือนทาง Apple คืออะไร จึงทำให้ทางบริษัท เข้าไปสนับสนุนวิธีที่ Google ต้องการจะปรับเปลี่ยนความเป็นส่วนตัว

ทางคุณ Graham Mudd รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์โฆษณาของ Facebook กล่าวว่า

“เราจะสนับสนุนเรื่องนี้ในระยะยาว และเราจะทำงานร่วมกับ Google เพื่อทำการโฆษณาแบบเฉพาะบุคคล(Personalized Advertising) บนพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัว”

ทั้งนี้ ทาง Google กล่าวว่าจะให้บริการการระบุตัวตน (Identifiers) แบบปัจจุบันไปก่อนอีกประมาณ 2 ปี ซึ่งหมายความว่าบริษัทอื่น ๆ ยังมีเวลามากพอที่จะปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4798184500273903/