Warning: Undefined array key "postid" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 24
Warning: Undefined array key "increase" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 25
Warning: Undefined array key "show_views_today" in /home/securitysy/domains/securitysystems.in.th/public_html/wp-content/plugins/page-views-count/src/pvc_widget.php on line 26
สวัสดี เพื่อนสมาชิกนิตยสาร Security Systems ที่เคารพ ในระหว่างที่ผู้เขียน เขียนต้นฉบับนี้อยู่ สถานการณ์ COVID-19 ของบ้านเราไม่ค่อยสู้ดีนัก มีคนติดเชื้อมากกว่า 9 พันคน มา 3 วันแล้ว พร้อมประกาศมาตรการ Lockdown 10 จังหวัดพื้นที่ควบคุมและเข้มงวด แถมด้วยเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21:00 – 04:00 น. อีกด้วย ความหวังเดียวคือ วัคซีนป้องกันโควิด โดยเฉพาะวัคซีน mRNA ที่ได้รับการยืนยันเรื่องประสิทธิภาพ จากวงการสาธารณสุขทั่วโลก
แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงต้องอยู่กับโรคระบาด COVID-19 ต่อไปอีกนาน ผู้เขียนขอให้ท่านผู้อ่านที่เคารพดูแลรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรง ถ้าไม่จำเป็นก็ WFH (Work from Home) นะครับ
Security Systems ฉบับที่ 34 เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2564 ผู้เขียนได้เขียนถึง ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) ไป ก็อยากจะอัพเดท “eCall” เทคโนโลยีความปลอดภัยภายในรถยนต์โดยสาร ที่เคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังเมื่อหลายปีก่อน ว่าปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว
eCall คืออะไร
eCall: emergency Call หรือ ACR: Automatic Crash Response เป็นระบบที่ถูกติดตั้งมากับรถยนต์ จะ สามารถทำงานได้ด้วยการกดด้วยมือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือแบบอัตโนมัติ (กรณี airbag ทำงาน) และทำการติดต่อเข้าไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 (PSAP: Public Safety Answering Point)
eCall เป็นอุปกรณ์และระบบที่จำเป็นต้องติดตั้งในรถยนต์ประเภท M1 และรถบรรทุกขนาดเล็ก N1 ที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป ตามกฎหมายสหภาพยุโรป (EU Regulation 2015/758)
เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินในรถและ eCall ถูกสั่งให้ทำงาน ระบบจะส่งตำแหน่งรถ (GPS: Global Positioning System) หมายเลขรถ (VIN: Vehicle Identification Number) และ ทิศทางในการเดินทาง หรือชุดข้อมูล (MSD: Minimum Set of Data) ไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 (PSAP: Public Safety Answering Point) ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่รับข้อมูลแล้ว ยังสามารถพูดคุยกับผู้ที่อยู่ในรถผ่านอุปกรณ์และระบบ eCall ได้
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 (PSAP: Public Safety Answering Point) ยังสามารถโทรกลับไปที่รถเมื่อต้องการติดต่อเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้อีกด้วย
พัฒนาการขั้นถัดไปของอุปกรณ์และระบบ eCall จะเพิ่มฟังก์ชันการตรวจสภาพถนน (roadworthiness tests) การกำหนดให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับรถทุกประเภท ปรับปรุงประสิทและการรองรับเทคโนโลยี 4G/5G อีกด้วย
ถึงแม้ว่าปัจจุบันอุปกรณ์ eCall จะมีผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังได้ถูกติดตั้งมาในรถที่ผลิตและจำหน่ายในสหภาพยุโรปแล้วก็ตาม แต่พื้นที่นอกสหภาพยุโรประบบ eCall อาจจะยังไม่สามารถใช้ในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุจากในรถได้ เนื่องจากศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน (PSAP: Public Safety Answering Point) ในแต่ละประเทศ ยังไม่ได้ทำการติดตั้งระบบที่รองรับการทำงานของอุปกรณ์ eCall
แต่สำหรับประเทศไทย น่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับเทคโนโลยี eCall เร็ว ๆ นี้ เนื่องจากโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญในการกำหนดให้มีระบบที่รองรับการทำงานของอุปกรณ์ eCall ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างอยู่ครับ