รมว.ยธ.เร่งสอบเรือนจำ 4 แห่ง หลังเอกชนร้องล็อกสเปก

Share

Loading

“สมศักดิ์” ส่งทีมงานลุยตรวจประมูลสร้างเรือนจำ 4 แห่ง หลังบริษัทเอกชนบุกร้องมีล็อกสเปคระบบควบคุมภายใน ลั่นหากพบผิดปกติถึงขั้นล้มโครงการ-ประมูลใหม่

            วันที่ 17 ส.ค.62 ที่ผ่านมานี้ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค. มีหนังสือร้องเรียนถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ. ถึงปัญหาโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างเรือนจำ 4 แห่ง ประกอบด้วย โครงการจ้างก่อสร้างเรือนจำจังหวัดระยอง มูลค่าโครงการ 1,146 ล้านบาท, โครงการจ้างก่อสร้างเรือนจำจังหวัดนครนายก มูลค่าโครงการ 1,188 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างแดนความมั่นคงสูงเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มูลค่าโครงการ 646 ล้านบาท และโครงการจ้างก่อสร้างเรือนจำกลางพัทลุง มูลค่าโครงการ 1,906 ล้านบาท ว่ามีการล็อกสเป็คอุปกรณ์ในส่วนของงานระบบเสริมความมั่นคง เช่น ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ระบบควบคุมการเข้าออก (Access Control system) และหนังสือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย โดยบริษัทฯ ที่จำหน่ายอุปกรณ์กับสเป็คของทางราชการจะออกให้เฉพาะกลุ่มที่เข้ายื่นงานเท่านั้น บริษัทอื่นจึงไม่สามารถเข้าแข่งขันได้ เพราะไม่มีเอกสารมาแสดงทำให้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ เป็นเหตุให้ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดถูกพิจารณาไม่ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว รวมทั้ง จ.พัทลุง มีการร้องเรียนว่ามีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียวถือว่าผิดปกติ

            ทั้งนี้ว่ารมว.ยธ. ได้สั่งให้ตนนำทีมงานลงพื้นที่ตรวจสอบทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จ.ระยอง ในการลงพื้นที่ได้รับรายงานข้อมูลเบื้องต้นจากนายมิตรารุณห์ พรหมอินทร์ ผอ.ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่งว่า สถานที่ก่อสร้างเตือนจำจังหวัดระยอง เนื้อที่ 150 ไร่ มีที่ตั้งอยู่ติดกับทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง ซึ่งขณะนี้บริษัทผู้ชนะการประมูลยังไม่ได้เริ่มงานก่อสร้าง หลังจากนี้จะขอให้นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ชี้แจงขั้นตอนการกำหนดทีโออาร์และการประมูล เพื่อตรวจสอบว่ามีการล็อกสเปคระบบควบคุมภายใน จำพวกกล้องวงจรปิดและระบบอุปกรณ์ภายในตามที่บริษัทเอกชนยื่นขอความเป็นธรรมหรือไม่ หากพบความผิดปกติจริงอาจถึงต้องล้มเลิกโครงการ เปิดประมูลใหม่ ทั้งนี้ตนจะเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบเรือนจำแห่งอื่นๆ ที่ถูกร้องเรียนต่อไป

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

https://mgronline.com/crime/detail/9620000078672

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/844219