เทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์คืออะไร และจะนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างไร

Share

Loading

หากกล่าวถึงเรื่องราวของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในปัจจุบันนั้น เรียกได้ว่าเทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญ และส่งผลทำให้เกิดความก้าวหน้าไปในทุกวงการ โดยเฉพาะในวงการธุรกิจ ซึ่ง AI ถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญ ที่ทุก ๆ องค์กรหรือทุก ๆ หน่วยงานจะต้องศึกษาและปรับใช้ นำเอาเทคโนโลยีนี้เข้ามาช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่จะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ เรื่องของเทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแข่งขันทางธุรกิจที่จะละเลยไม่ได้

AI คืออะไร

สำหรับเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้น ถือเป็นแนวคิดที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเมื่อหลายสิบปีที่ผ่าน โดยเป็นการพัฒนาแนวคิดภายใต้บริบทของวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งเชื่อว่าคอมพิวเตอร์เป็นสมองกลที่มีความชาญฉลาด และมีคุณลักษณะความคิดอ่านคล้ายคลึงกับสมองมนุษย์ เช่น สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง คิด วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลที่ซับซ้อนได้ ซึ่งที่ผ่านมาการพัฒนาเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ นั้นได้สร้างปรากฏการณ์อันท้าทายให้กับวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่เสมอ เช่นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคแรก ๆ ที่เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ สามารถเอาชนะแชมป์โลกหมากรุกได้ในการแข่งขันปี 1997 และสามารถเอาชนะแชมป์โลกโกะ ได้อย่างราบคาบในปี 2016

ซึ่งทั้งเกมหมากรุก และโกะ ถือเป็นเกมกระดานที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์และการวางแผนขั้นสูง โดยถือเป็นเกมกีฬาทางปัญญาอันมีความสลับซับซ้อน และมีการซ่อนกลอุบายที่ลับลวงพรางเอาไว้มากมาย ซึ่งการที่ ปัญญาประดิษฐ์ สามารถเอาชนะแชมป์โลกที่เป็นมนุษย์ได้ หรือตัวอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2017 ซึ่ง ปัญญาประดิษฐ์ สามารถที่จะเอาชนะเกมเมอร์มืออาชีพได้ภายใน 10 นาที จากการแข่งขันเกม Dota2 แบบผู้เล่น 1 ต่อ 1 ในงาน The International 2017

เทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์คือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก

ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถที่จะเอาชนะเกมที่มีรูปแบบการเล่นผ่านวิธีการคิดวิเคราะห์อันสลับซับซ้อนได้นั้น ก็เพราะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีที่เรียนรู้ความฉลาดโดยศึกษารูปแบบวิธีการเล่นจากนักเล่นมืออาชีพคืนอื่น ๆ และได้มีการลงเล่นเกมการแข่งขันด้วยตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเป็นการสะสมองค์ความรู้และประสบการณ์คล้าย ๆ กับการทำงานของสมองมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถที่จะคิดวิเคราะห์ และวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะแค่ในเกมเท่านั้น แต่เรายังสามารถที่จะนำเอาความสามารถตรงนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย โดยในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นั้นแทรกซึมอยู่ในทุก ๆ ภาคส่วนทางธุรกิจและอุตสาหกรรม เช่น โลจิสติกส์ การแพทย์ การบริการ ธนาคาร อีคอมเมิร์ซ ระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถนำมาใช้ในธุรกิจได้อย่างไรบ้าง

  • คาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ (Machine Learning และ Big Data Platforms) เพราะการทำนายอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้โดยอาศัยการคิดวิเคราะห์บนพื้นฐานของข้อมูล ที่ประเมินแนวโน้มของอนาคตที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง AI ถือเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ AI ทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น
  • เป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจเรื่องยาก ๆ ให้ง่ายขึ้น (Decision Management) โดย AI มีความสามารถในการเป็นผู้ช่วยในเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุด เช่น การทำ Personalized Marketing หรือ ระบบแนะนำสินค้าของแต่ละบุคคล เป็นต้น
  • ระบบการแยกแยะ (Machine Learning ด้วย Deep Learning) ความสามารถในการเรียนรู้และจำแนกแยกแยะของ AI นั้นถือว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้ในธุรกิจด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างระบบแยกแยะสิ่งของ ยานพาหะ ใบหน้าคน เสียงพูด เป็นต้น
  • การระบุตัวตน (Biometrics) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่นำเอา AI เข้าไปเกี่ยวข้อด้วย โดยจะสามารถยืนยันตัวตน หรือระบุตัวตนได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ม่านตา เสียง ลายนิ้วมือ หน้า ภาษากาย ซึ่งสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้หลายลักษณะ เช่น การสแกนลายนิ้วมือเพื่อบันทึกเวลาแทนการตอกบัตร, สร้างจุดขายให้กับสมาร์ทโฟน ด้วยระบบการสแกนม่านตาเพื่อยืนยันตัวตนในการเช้าใช้งาน
  • ระบบประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing – NLP) ถือเป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้เราสามารถปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะระบบนี้จะสามารถวิเคราะห์คำสั่งหรือความต้องการของผู้ใช้ผ่านภาษาธรรมชาติ เช่น Google ได้มีการนำเอาระบบนี้มาช่วยให้สามารถทำการค้นหาเอกสารใน Google Drive ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยถ้าหากเราต้องการค้นหาเอกสารที่มาจาก Anissa เราสามารถพิมพ์คำสั่งว่า “Show me documents from Anissa” ได้เลย เพื่อค้นหาหรือเข้าถึงเอกสารที่เราต้องการได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ระบบรู้จำและสังเคราะห์เสียงพูด (Speech Recognition and Synthesis) เป็นอีกระบบหนึ่งที่ทำงานร่วมกันกับ NLP ซึ่งทำให้เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วด้วยการพูด เช่น Siri ซึ่งถือเป็น AI รูปแบบหนึ่งที่มีความสามารถในการฟังคำสั่ง ปฏิบัติตามสิ่งที่เราต้องการ รวมถึงยังสามารถสร้างรูปประโยคสนทนาโต้ตอบเราได้อีกด้วย
  • ผู้ช่วยเสมือนจริง (Virtual Agents) ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือบริการได้อย่างไร้ขีดจำกัดในอุปกรณ์ของเรา เช่น Siri สามารถเข้าถึงและเข้าใจตารางงาน อีเมล ปฏิทิน นาฬิกา หรือ Alexa สามารถเข้าถึงบริการของ Amazon หรือ Smart Home Device ของเราได้ นอกจากนี้ระบบยังสามารถที่จะวิเคราะห์ความต้องการของเราทำให้สามารถเข้าถึงสิ่งที่เราต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันนี้เรามักจะคุณเคยกับเทคโนโลยีดังกล่าว ภายใต้ชื่อ “Chatbot”
  • ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ (Robotic Process Automation) ซึ่งเดิมทีนั้นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้มีการนำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน แต่การนำเอามาใช้ในภาคธุรกิจยังค่อนข้างอยู่ในวงจำกัด แต่ด้วยความก้าวหน้าของ AI จะทำให้หุ่นยนต์สามารถที่จะทำงานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น หุ่นยนต์ดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ, หุ่นยนต์บริการในร้านอาหาร เป็นต้น

ซึ่งจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI นั้น ถือเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล ด้วยความชาญฉลาด และระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่มีความพร้อมในปัจจุบัน AI จะสามารถทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ และสร้างความแตกต่างให้กับยุคสมัย ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะขับเคลื่อนโลกแห่งธุรกิจให้ต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างแน่นอน

เรียบเรียงโดย Security Systems Magazine

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.theviable.co/

เครดิตรูปภาพ
https://www.canva.com/
https://www.pexels.com/

0