Axis next gen chipset เพิ่มความสามารถและคุณสมบัติใหม่อีกมากมาย

Share

Loading

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการคิดค้นและตอบสนองความต้องการของตลาด Axis Communications ผู้นำระดับโลกด้านวิดีโอเครือข่ายประกาศเปิดตัวชิปเซ็ตรุ่นที่ 7 “ARTPEC-7″ จะนำความสามารถและฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาสู่กล้องรุ่นใหม่ของ Axis ซึ่ง ได้แก่ การถ่ายภาพที่ดียิ่งขึ้นในทุกสภาวะแสง ฟีเจอร์ความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลจากตัวกล้องที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น การบีบอัดข้อมูลให้ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บที่เล็กลงและมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการวิเคราะห์ภาพจากตัวกล้อง

ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากชิปได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์โดย Axis จึงเพิ่มความมั่นใจและการยกระดับความปลอดภัยจากการคุกคามทางไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมด ARTPEC 7 จึงเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเทคโนโลยีหลักของ Axis ทั้งหมด ที่สร้างขึ้นเพื่อจัดการกับสภาพแสงที่ยากลําบาก ตัวอย่างเช่น

  • Lightfinder 0 จะให้สีที่อิ่มตัวและสมจริงมากขึ้นกว่าที่เคยในพื้นที่มีแสงน้อย พร้อมกับภาพที่คมชัดที่สุดของวัตถุที่กําลังเคลื่อนไหวแม้ในบริเวณที่แสงสว่างน้อยที่สุด
  • Forensic WDR จะให้ภาพที่ชัดเจนของวัตถุที่กําลังเคลื่อนไหวรวมถึงรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นในฉากที่มีแสงสว่างอย่างมาก พื้นหลังหรือฉากที่มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพื้นที่ที่มีความสว่างที่สุดและมืดที่สุด
  • ความไวแสงที่เพิ่มขึ้นยังช่วยเพิ่มระยะการส่องสว่างสำหรับกล้อง Axis ที่มีหลอด IR LED มาพร้อมกับตัวกล้องหรือรองรับการติดตั้งเพิ่มเติม

ARTPEC 7 มาพร้อมกับคุณลักษณะด้านความปลอดภัยไซเบอร์ขั้นสูง สำหรับกล้อง Axis รุ่นใหม่ รวมถึงระบบ “Signed firmware” กล้องจะทำการตรวจสอบเฟิร์มแวร์ก่อนจะอนุญาตให้สามารถติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่ได้รับอนุญาต จาก Axis เท่านั้น และ “secure boot” การบูทกล้องที่ปลอดภัยซึ่งป้องกันการบูทกล้องจากเฟิร์มแวร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตได้

กล้อง Axis ในอนาคตจะให้ผู้ใช้เลือกใช้งานได้ระหว่างการเข้ารหัสวิดีโอแบบ H.264 หรือ H.265 ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับระบบและความต้องการในการเฝ้าระวังของพวกเขา และยังสามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี Axis Zipstream จะทำให้แบนด์วิดท์ และพื้นที่ในการเก็บข้อมูลลดขนาดลงโดยไม่ทำให้คุณภาพของภาพลดลง นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังมีอิสระในการประเมิน และเลือกตัวเลือกของการบีบอัดข้อมูลได้ตลอดเวลาหากความต้องการของพวกเขา เปลี่ยนไป

ท้ายที่สุดชิปนี้ยังมีเอ็นจิ้นการตรวจจับวัตดแบบเรียลไทม์ (Real-time object detection) ซึ่งจะทำให้ Axis และพาร์ทเนอร์ของ Axis สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์ภาพที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตรวจจับและแยกความแตกต่างระหว่าง คน ใบหน้า และวัตถุอื่นๆ ได้บนหัวกล้องโดยอัตโนมัติ

Axis เราทำทุกอย่างเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ เรามุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ 100% ด้วยการสร้างระบบป้องกันไว้ในระบบกล้อง Axis และอุปกรณ์ของ Axis สามารถที่จะกําหนดค่าความปลอดภัยในระดับที่แตกต่างกันได้โดยสามารถอ้างอิงจากคู่มือ Axis Hardening Guide บน Website ของ Axis

อุปกรณ์เครือข่ายทุกอย่าง อาจถูกคุกคามได้รวมทั้งกล้องเน็ทเวิร์ก ซึ่งกล้องเน็ทเวิร์กเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายเป็น Backbone ทุกส่วนล้วนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ต่อเข้าระบบหรือแยกอิสระ ซึ่งระบบโดยรวมต้องได้รับการป้องกัน

การป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายด้าน IT ขององค์กรในการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เหมาะสม เรามีคำแนะนําในการสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Axis มาให้คุณดังนี้

1. วิเคราะห์ความเสี่ยงของภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นและความเสียหาย/ค่าใช้จ่ายที่เป็นไปได้ถ้าระบบถูกโจมตี

2. เตรียมความพร้อมและหาความรู้เกี่ยวกับการป้องกันระบบและภัยคุกคามที่เป็นไปได้ ทำงานใกล้ชิดกับผู้ขาย ผู้ติดตั้งระบบ ที่ปรึกษา ตัวแทนผลิตภัณฑ์ และอินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลที่เยี่ยมมาก

3. รักษาความปลอดภัยของระบบเน็ทเวิร์ก เพราะหากระบบเน็ทเวิร์กถูกเจาะ ก็จะเสี่ยงต่อการถูกสอดแนมข้อมูลที่สําคัญและการโดนโจมตีเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในเน็ทเวิร์ก

4. ใช้รหัสผ่านที่มีลักษณะเฉพาะและเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ

5. อย่าใช้ค่าเริ่มต้นขออุปกรณ์ที่ตั้งมาจากโรงงาน
» เปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้น
» เปิดใช้งานและตั้งค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์
» ปิดการใช้งานในส่วนที่ไม่จําเป็น

6. ใช้การเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสทุกครั้งที่ทําได้

7. เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกเจาะระบบเน็ทเวิร์ก ไม่ควรอนุญาตให้ Clients เข้าถึงกล้องได้โดยตรง เว้นแต่ว่าจําเป็นสำหรับโซลูชันนั้นๆ ลูกค้าควรเข้าถึงวิดีโอผ่าน VMS (Video Management System) หรือ Media proxy เท่านั้น

8. ตรวจสอบ log บันทึกการเข้าถึงเป็นประจำเพื่อตรวจสอบการเข้าถึงเครือข่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต

9. ตรวจสอบอุปกรณ์เป็นประจำและเปิดใช้งานการแจ้งเตือนของระบบทุกครั้งที่ทำได้

10. ใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นล่าสุด เพื่ออัพเดทระบบความปลอดภัยอยู่เสมอ

เทคโนโลยี Zipstream ช่วยลดปริมาณการใช้แบนด์วิดธ์และพื้นที่จัดเก็บโดยไม่กระทบ รายละเอียดสําคัญของภาพ

ด้วยการเติบโตของการใช้กล้อง IP Surveillance ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Axis สร้างนวัตกรรมเสริมศักยภาพให้กับกล้องเน็ทเวิร์ก ด้วยเทคโนโลยี Zipstream เทคโนโลยีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการบีบอัดสัญญาณภาพแบบ H.264 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดปริมาณการใช้แบนด์วิดธ์และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลโดยเฉลี่ย 50% หรือมากกว่า

เทคโนโลยี Zipstream ของ Axis เป็นเทคโนโลยีภายในตัวกล้อง ทำหน้าที่วิเคราะห์ Video stream แบบ Realtime รายละเอียดและภาพเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจะได้รับการเก็บรักษาไว้ด้วยคุณภาพของวิดีโอที่กำหนดไว้ ในขณะที่สามารถคัดกรองส่วนอื่นๆที่ไม่จําเป็นออกไป ซึ่งให้ความมั่นใจได้ว่า รายละเอียดสำคัญในภาพจะได้รับการเก็บรักษาอย่างเหมาะสมมากพอ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในรูปแบบของภาพและเสียงผ่าน Video stream ในขณะเดียวกัน ก็สามารถลดข้อมูลที่ไม่จําเป็นออกได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลโดยเฉลี่ย 50% หรือมากกว่า ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้การบันทึกวิดีโอได้ยาวนานขึ้น และไม่มีความซับซ้อนในการใช้งานอีกด้วย

Sharpdome

เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ติดตั้งอยู่ในกล้อง AXIS 061-E เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ภาพคมชัดในทุกทิศทางกล้อง PTZ ขนาดกะทัดรัดในรุ่นนี้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทั้งยังทำงานได้ดีในบริเวณที่มีแสงน้อยและในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายต่างๆ จึงเหมาะกับการใช้ในการรักษาความปลอดภัยให้กับเขตชุมชน ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และโรงเรียน เป็นต้น

เทคโนโลยี Sharpdome ยังเพิ่มศักยภาพให้กล้องมีขีดความสามารถที่ไม่มีใครเหมือนในการจับภาพวัตถุที่อยู่สูงจากระดับมุมมองปกติของกล้องขึ้นไปได้มากที่สุดถึง 20 องศา จึงทำให้กล้องในกลุ่มนี้ใช้ได้ดีในสภาพภูมิประเทศที่ไม่สม่ำเสมอ ต้องถ่ายภาพสูงกว่าระดับมุมมองกล้องปกติ เทคโนโลยี Sharpdome ยังมีฟังก์ชัน Speed Dry ซึ่งเป็นฟังก์ชันเฉพาะของ Axis ที่ช่วยให้กล้องจับภาพได้อย่างคมชัดในขณะสภาพอากาศที่ฝนตก โดยการขจัดหยดน้ำที่เกาะบนโดมแก้วได้อย่างรวดเร็วด้วยการสั่งให้ตัวกล้องสั่นเพื่อไล่หยดน้ำออกและปรับความร้อนในตัวกล้องเพื่อให้หยดน้ำเล็กๆบนโดมครอบกล้องแห้ง และฟังก์ชันนี้ยังช่วยลดความยุ่งยากในการทำความสะอาดโดมด้วยวิธีท่าความสะอาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นการทำความสะอาดด้วยน้ำแรงดันสูง

ช่วยให้กล้องมีความไวแสงมากและเห็นภาพสีในพื้นที่ที่มีแสงน้อย ซึ่งกล้องอื่นๆ จะเปลี่ยนเป็นโหมดกลางคืนและปรับภาพให้เป็นโหมดสีขาวดำ แต่กล้องที่มี Lightfinder จะอยู่ในโหมดกลางวันและให้สีที่คงอยู่ในสภาวะแสงน้อย และการให้ภาพสีอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคล วัตถุ หรือยานพาหนะได้ชัดเจนมากขึ้น

Lightfinder เพิ่มคุณค่า ไม่เพียงแต่ในสภาวะที่มืดที่สุดเท่านั้น แต่ในสถานที่ใดก็ตามที่ระดับแสงต่ำกว่าแสงในอาคารทั่วไป Lightfinder สามารถใช้เวลาในการเปิดรับแสงที่สั้นลงและลดความเบลอให้เหลือน้อยที่สุด เทคโนโลยี Lightfinder ก่อให้เกิดการผสมผสานอย่างลงตัวของส่วนประกอบออปติคัลชั้นหนึ่ง เช่นเลนส์คุณภาพสูงและเซ็นเซอร์ภาพที่เลือกเองซึ่งปรับให้เหมาะสำหรับการเฝ้าระวัง และอัลกอริธิมการประมวลผลภาพที่ฝังอยู่ในระบบบนชิป เมื่อการพัฒนาทั้งหมดของ Lightfinder มีการปรับปรุงอยู่เป็นประจำ ก็ก่อเป็นแนวคิดขอ5 Lightfinder 2.0 ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงความไวแสงที่เพิ่มขึ้น มีการสร้างสที่เหมือนจริงมากขึ้นและการปรับแต่งแบบกำหนดเองสำหรับผู้ใช้ขั้นสูง

ตั้งแต่พฤษภาคม 2562 กล้อง Axis รุ่นใหม่จำนวนมากจะมาพร้อมกับ Lightfinder 2.0 ใช้งานได้กับกล้องที่ใช้ชิป ARTPEC-7 ให้ภาพที่คมชัดกว่า นอกเหนือจากการปรับปรุงความไวแสงทั่วไปของกล้องแล้ว Lightfinder 2.0 ยังให้สีที่แม่นย่ายิ่งขึ้น มีสมดุลสีที่ดีขึ้น

Lightfinder สร้างจากความรู้อย่างกว้างขวางในการประมวลผลสีและการปรับแต่งภาพ เทคโนโลยี Lightfinder และ Axis Zipstream ได้รับการปรับจูนร่วมกันเพื่อการบีบอัดอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษซึ่งจะรักษารายละเอียดของภาพในขณะที่ยังคงผลิตวิดีโอที่มีอัตราบิตเรตเฉลี่ยต่ำและลดต้นทุนการจัดเก็บ

บริษัท ดิจิตอลโฟกัส จำกัด
2782/4-6 ถ.ลาดพร้าว แขวงคลองจั่น
เขตบางกะปิ กทม. 10240
Hotline : 02-136-8989
Fax : 02-733-9075
Email : sales@digitalfocus.co.th

digitalfocus.co.th